สำหรับสายฟาร์มสิ่งที่เอาไว้ช่วยตัดสินใจในการเลือกว่าจะฟาร์มที่ไหนคือเรื่องของผลตอบแทนซึ่งมักจะอยู่ในรูปของ APR หรือ APY มันต่างกันยังไง?
ฟังดูผ่าน ๆ คล้ายกันมาก ๆ แต่มันมีความต่างในเรื่องของ Output ครับ ทั้งคู่เอาไว้ใช้คำนวนดอกเบี้ยของการลงทุนครับ หรือดอกเบี้ยสำหรับผลิตภัณที่เป็นลักษณะของเครดิต ถ้าอธิบายสั้นๆ ประโยคเดียวเข้าใจเลยคือ
APY เอาดอกมาทบต้น
APR คิดแบบง่าย ๆ ธรรมดา
APY ย่อมาจาก Annual Percentage Yield หลักคิดของมันก็คือ เอาดอกเบี้ยที่ได้มาทบเข้าไปด้วย ที่เราเรียกว่าดอกเบี้ยทบต้น หรือ Compound Interest
ในขณะที่ APR ย่อมาจาก Annual Percentage Rate ก็จะคิดแบบง่าย ๆ ตรงไปตรงมา

ถ้าคนที่ลงทุนจะเข้าใจถึงศักยภาพของดอกเบี้ยทบต้นว่ามันมมีพลังมหาศาลมาก ๆ ยิ่งถ้าหามีความถี่ในการทบต้นมาขึ้นเท่าไหร่ ความต่างของค่าเงินท้ายสุดมันจะต่างกันมากสำหรับ APR กับ APY
แล้วมันใช้ตอนไหนล่ะ ลองคิดง่าย ๆ ดูนะ ถ้ามันมีความต่าในรายปีขนาดนั้นเวลาเราเป็นผุ้ใช้ลองเอาใจเรานั่งคิดดูเอาเองว่าถ้าเราเป็นฝั่งนักลงทุนเราอยากได้ดอกเบี้ยสูงหรือแพง แน่นอนเราอยากได้ดอกเบี้ยสูง ในเชิงการตลาดเค้าก็จะเลือกเอา APY เป็นตัวดึงดูดนักลงทุน
แต่ถ้าเรากลับด้านกันล่ะ ถ้าเราเป็นคนกู้ยืมในระบบ แล้วเราต้องใช้หนี้ เราอยากเห็นดอกเบี้ยถูกหรือแพง แน่นอนเราอยากเห็นดอกเบี้ยถูก เพราะฉะนั้นใช้เชิงของการตลาดก็จะเลือกเอา APR มาเป็นตัวดึงดูคนกู้เงินว่าดอกเบี้ยถูก
สรุป APY มักจะเอาไว้ดึงดูดนักลงทุนเพราะมันดอกเบี้ยทบต้นดูสูง
APR ก็มักจะเอาไว้ดึงดูดคนกู้เพราะดูแล้วดอกเบี้ยมันถูกกว่า
ผมสรุปไว้เป็นหลักเฉย ๆ นะครับ ปกติคนที่มาฟาร์มส่วนใหญ่ก็คิดที่จะเอาดอกเบี้ยมาทบต้นอยู่แล้ว การคำนวนแบบ APY จะค่อนข้างใกล้เคียงความเป็นจริง ประเด็นมันคือความถื่ในการทบมากกว่า
ถ้าระบบทำให้อัตโนมัติรายวันผมคิดว่าน่าจะได้ใกล้เคียงตามความเป็นจริง หวังว่าบทความน่าจะพอให้หลักในการดูดอกเบี้ยในแต่ละระบบได้นะครับ
Source: Investopedia