
SeaX Ventures กองทุนสัญชาติไทย ที่เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพทั่วโลกที่มี Deep Technology หรือเทคโนโลยีขั้นสูง ฉลองครบรอบก่อตั้งกองทุน 3 ปี กับ 2 สตาร์ทอัพยูนิคอร์น และเงินลงทุนรวมกว่า 1.5 พันล้านบาท ที่มีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทจดทะเบียนหลายรายร่วมลงทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อเฟ้นหาสตาร์ทอัพระดับโลกที่มี Synergy กับองค์กรชั้นนำระดับภูมิภาค พัฒนานวัตกรรม สร้างผลตอบแทนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
SeaX Ventures กองทุนสตาร์ทอัพภายใต้ความร่วมมือกับ RISE สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร ลงทุนในสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้นและระยะเติบโตที่มี Deep Technology ใน 6 ด้าน ได้แก่ Blockchain, Foodtech, Biotech & Life Science, Artificial Intelligence, Robotics และ IoT & Hardware ที่มีแนวโน้มในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตทั้งในอาเซียนและซิลิคอนวัลเล่ย์ อาศัยเครือข่ายของ RISE ที่มีอยู่กับ Incubator และ Accelerator ทั่วโลก รวมไปถึงการเข้าถึงฐานข้อมูลของ Founder ที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ อาทิ Harvard, MIT หรือ Stanford ทำให้สามารถเลือกเฟ้นสตาร์ทอัพที่ไม่เพียงแต่จะสร้างผลตอบแทนในระยะยาว แต่ยังสามารถช่วยเร่งสปีดการทรานส์ฟอร์มองค์กรในระยะสั้นได้เป็นอย่างดี

นายแพทย์ศุภชัย ปาจริยานนท์ Managing Partner ของ SeaX Ventures กล่าวว่า “Deep Technology นับว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่จะทำให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และเพิ่มโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ ผ่านการร่วมทุนหรือ Joint Venture สำหรับองค์กรที่มาลงทุนกับ SeaX Ventures ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว ตัวแรกคือ ได้เรียนรู้จากสตาร์ทอัพที่มี Deep Technology มาปรับใช้กับองค์กรได้ทันที ตัวที่สองคือ โอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน และตัวที่สามคือ โอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ไปกับสตาร์ทอัพที่มี Deep Technology และมี Synergy ตรงกับธุรกิจขององค์กร”
โดยนายแพทย์ศุภชัยได้ชู 3 จุดแข็งที่ทำให้การลงทุนในกองทุนสตาร์ทอัพ SeaX Ventures แตกต่าง ดังนี้
- Exclusive Access to World-class Deep Tech Startups: เปิดโอกาสให้องค์กรไทยเข้าถึง Deep Technology จากทั่วโลกผ่านการลงทุนในสตาร์ทอัพที่มี Founder ระดับโลก พร้อมศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงและมีโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอย่างก้าวกระโดด
- Strategic Collaboration Beyond Investment: เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีเทคโนโลยีที่องค์กรไทยสามารถสร้างความร่วมมือและพัฒนาต่อยอดธุรกิจและนวัตกรรมร่วมกันได้ ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุน (Strategic Investment)
- Exponential Returns on Investment: โอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่น่าพอใจ ซึ่งจากความสำเร็จของกองทุนแรกของ SeaX Ventures ได้สร้างผลตอบแทนคิดเป็น 308% ของอัตราผลตอบแทนภายใน (IRR)
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา SeaX Ventures ได้ลงทุนในสตาร์ทอัพไปแล้ว 10 บริษัท และวางแผนจะลงทุนเพิ่มอีก 30 บริษัท โดยสัดส่วนการลงทุนของ SeaX Ventures จะอยู่ที่การลงทุนในสตาร์ทอัพสหรัฐอเมริกา 70% และสตาร์ทอัพในอาเซียนหรือที่อื่น ๆ รวมกัน 30% ที่ผ่านมา มี 2 Blockchain Startupsในพอร์ตการลงทุน อย่าง Solana Blockchain เจ้าของฉายา Ethereum Killer ที่กำลงมาแรงในขณะนี้ และ Band Protocol Blockchain Startup ของคนไทย ที่มีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นคริปโตคอร์น (สตาร์ทอัพยูนิคอร์นด้าน Cryptocurrency) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จากความสำเร็จของกองทุนแรก ปัจจุบัน SeaX Ventures มีเงินลงทุนภายใต้การบริหารรวมกว่า 1.5 พันล้านบาท (ณ 31 สิงหาคม 2564) ซึ่งในปีนี้ SeaX Ventures ได้เปิดกองทุนใหม่ และได้ผลการตอบรับอย่างดีจาก เจ้าของกิจการ ผู้บริหารระดับสูง รวมไปถึงบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกหลายแห่ง อาทิ เช่น

- นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)
- นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
- นายชาย ศรีวิกรม์ กรรมการ Gaysorn Group
- นางสาวอนุษฐา เชาว์วิศิษฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด
- นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการบริหารบริษัท ดับเบิ้ลเอ (1991) จำกัด (มหาชน)
- นายนาถ ลิ่วเจริญ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CDG GROUP
- นายวิบูลย์ ตวงสิทธิสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทนันยางเท็กซ์ไทล์
- นายเรืองชาย สุพรรณพงศ์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการองค์กร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด
- นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน)
- นายณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน)
นักลงทุนสถาบันจากองค์กรชั้นนำ อาทิ เช่น
- กองทุน สิงห์ เวนเจอร์ส
- บริษัท วัชรพล จำกัด (ไทยรัฐ)
- บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
- บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
- บริษัท บีซีเอช เวนเจอร์ส จำกัด ในกลุ่มบริษัทเบญจจินดา
“ทีมงาน SeaX Ventures รู้สึกยินดีอย่างมากที่ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุน เราตั้งเป้าสร้างผลตอบแทนและการเติบโตทางธุรกิจให้กับนักลงทุนและสตาร์ทอัพ รวมทั้งผลักดันการเติบโตของ Deep Technology ในภูมิภาค เพื่อสร้าง Synergy ให้กับธุรกิจ เร่งสปีดการทรานส์ฟอร์มองค์กรอย่างเป็นรูปธรรมและ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปพร้อมกันกับนักลงทุนของเรา” นายแพทย์ศุภชัย กล่าวทิ้งท้าย
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ SeaX Ventures เพิ่มเติมได้ที่ https://www.riseaccel.com/venture
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพื่อเติม
ปารมี อินทรชุมนุม
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
book@riseaccel.com
เกี่ยวกับ SeaX Ventures
SeaX Ventures หรือ Southeast Asia Exponential Ventures กองทุนสตาร์ทอัพ ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2018 ภายใต้ความร่วมมือกับ RISE สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร ลงทุนในสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้นและระยะเติบโตที่มี Deep Technology ใน 6 ด้าน ได้แก่ Blockchain, Foodtech, Biotech & Life Science, Artificial Intelligence, Robotics และ IoT & Hardware ที่มีแนวโน้มในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตทั้งในอาเซียนและซิลิคอนวัลเล่ย์
เกี่ยวกับ RISE
RISE สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร มีภารกิจหลัก คือการเพิ่ม 1% ผลิตภัณฑ์มวลรวม (Gross Domestic Product) ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ RISE ทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กรผ่านแพลตฟอร์มที่ RISE ออกแบบมาเพื่อให้องค์กรประสบความสำเร็จในการสร้างนวัตกรรม อาทิ เช่น ศูนย์เร่งสปีดนวัตกรรมให้องค์กร (Corporate Accelerator), มหาวิทยาลัยผู้ประกอบการในองค์กร (Intrapreneur University), บริการสร้างธุรกิจใหม่ (Venture Building Services) และ งานสัมมนานวัตกรรมองค์กรที่เน้นการลงมือทำจริงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย (Corporate Innovation Summit : CIS – Asia’s Largest Experiential Conference) เป็นต้น
4 ปีที่ผ่านมา RISE ได้สร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมองค์กรผ่านเครือข่ายทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นองค์กรชั้นนำกว่า 500 แห่งในเอเชีย สตาร์ทอัพกว่า 2,000 ราย และคอมมูนิตี้ด้านนวัตกรรมในอีก 40 ประเทศทั่วโลก ภายในเวลา 4 ปี RISE ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์มวลรวมกว่า 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่าการจ้างงานเพิ่มกว่าแสนตำแหน่งให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ RISE ได้ที่ https://riseaccel.com