กองทุนสตาร์ทอัพ SeaX Ventures เตรียม 1.5 พันล้านบาทลงทุน Deep Tech

SeaX Ventures

Date

Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest
Share on telegram
Share on skype
Share on whatsapp
Share on email
Spread the love
กองทุนสตาร์ทอัพ SeaX Ventures เตรียม 1.5 พันล้านบาทลงทุน Deep Tech เร่งสปีดการทรานส์ฟอร์มองค์กรไทย

SeaX Ventures กองทุนสัญชาติไทย ที่เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพทั่วโลกที่มี Deep Technology หรือเทคโนโลยีขั้นสูง ฉลองครบรอบก่อตั้งกองทุน 3 ปี กับ 2 สตาร์ทอัพยูนิคอร์น และเงินลงทุนรวมกว่า 1.5 พันล้านบาท ที่มีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทจดทะเบียนหลายรายร่วมลงทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อเฟ้นหาสตาร์ทอัพระดับโลกที่มี Synergy กับองค์กรชั้นนำระดับภูมิภาค พัฒนานวัตกรรม สร้างผลตอบแทนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


SeaX Ventures กองทุนสตาร์ทอัพภายใต้ความร่วมมือกับ RISE สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร ลงทุนในสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้นและระยะเติบโตที่มี Deep Technology ใน 6 ด้าน ได้แก่ Blockchain, Foodtech, Biotech & Life Science, Artificial Intelligence, Robotics และ IoT & Hardware ที่มีแนวโน้มในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตทั้งในอาเซียนและซิลิคอนวัลเล่ย์ อาศัยเครือข่ายของ RISE ที่มีอยู่กับ Incubator และ Accelerator ทั่วโลก รวมไปถึงการเข้าถึงฐานข้อมูลของ Founder ที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ อาทิ Harvard, MIT หรือ Stanford ทำให้สามารถเลือกเฟ้นสตาร์ทอัพที่ไม่เพียงแต่จะสร้างผลตอบแทนในระยะยาว แต่ยังสามารถช่วยเร่งสปีดการทรานส์ฟอร์มองค์กรในระยะสั้นได้เป็นอย่างดี

Deep Technology 6 ด้าน ที่ SeaX Ventures โฟกัสในการลงทุน

นายแพทย์ศุภชัย ปาจริยานนท์ Managing Partner ของ SeaX Ventures กล่าวว่า “Deep Technology นับว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่จะทำให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และเพิ่มโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ ผ่านการร่วมทุนหรือ Joint Venture สำหรับองค์กรที่มาลงทุนกับ SeaX Ventures ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว ตัวแรกคือ ได้เรียนรู้จากสตาร์ทอัพที่มี Deep Technology มาปรับใช้กับองค์กรได้ทันที ตัวที่สองคือ โอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน และตัวที่สามคือ โอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ไปกับสตาร์ทอัพที่มี Deep Technology และมี Synergy ตรงกับธุรกิจขององค์กร

โดยนายแพทย์ศุภชัยได้ชู 3 จุดแข็งที่ทำให้การลงทุนในกองทุนสตาร์ทอัพ SeaX Ventures แตกต่าง ดังนี้

  1. Exclusive Access to World-class Deep Tech Startups: เปิดโอกาสให้องค์กรไทยเข้าถึง Deep Technology จากทั่วโลกผ่านการลงทุนในสตาร์ทอัพที่มี Founder ระดับโลก พร้อมศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงและมีโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอย่างก้าวกระโดด 
  2. Strategic Collaboration Beyond Investment: เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีเทคโนโลยีที่องค์กรไทยสามารถสร้างความร่วมมือและพัฒนาต่อยอดธุรกิจและนวัตกรรมร่วมกันได้ ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุน (Strategic Investment)
  3. Exponential Returns on Investment: โอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่น่าพอใจ ซึ่งจากความสำเร็จของกองทุนแรกของ SeaX Ventures ได้สร้างผลตอบแทนคิดเป็น 308% ของอัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) 

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา SeaX Ventures ได้ลงทุนในสตาร์ทอัพไปแล้ว 10 บริษัท และวางแผนจะลงทุนเพิ่มอีก 30 บริษัท โดยสัดส่วนการลงทุนของ SeaX Ventures จะอยู่ที่การลงทุนในสตาร์ทอัพสหรัฐอเมริกา 70% และสตาร์ทอัพในอาเซียนหรือที่อื่น ๆ รวมกัน 30% ที่ผ่านมา มี 2 Blockchain Startupsในพอร์ตการลงทุน อย่าง Solana Blockchain เจ้าของฉายา Ethereum Killer ที่กำลงมาแรงในขณะนี้ และ Band Protocol Blockchain Startup ของคนไทย ที่มีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นคริปโตคอร์น (สตาร์ทอัพยูนิคอร์นด้าน Cryptocurrency) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตัวอย่างสตาร์ทอัพ Deep Tech จากทั่วโลกของ SeaX Ventures

จากความสำเร็จของกองทุนแรก ปัจจุบัน SeaX Ventures มีเงินลงทุนภายใต้การบริหารรวมกว่า 1.5 พันล้านบาท (ณ 31 สิงหาคม 2564) ซึ่งในปีนี้ SeaX Ventures ได้เปิดกองทุนใหม่ และได้ผลการตอบรับอย่างดีจาก เจ้าของกิจการ ผู้บริหารระดับสูง รวมไปถึงบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกหลายแห่ง อาทิ เช่น

Notable “Limited Partner” ของ SeaX Ventures
  • นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
  • นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)
  • นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
  • นายชาย ศรีวิกรม์ กรรมการ Gaysorn Group
  • นางสาวอนุษฐา เชาว์วิศิษฐ  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด
  • นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการบริหารบริษัท ดับเบิ้ลเอ (1991) จำกัด (มหาชน)
  • นายนาถ ลิ่วเจริญ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CDG GROUP 
  • นายวิบูลย์ ตวงสิทธิสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทนันยางเท็กซ์ไทล์
  • นายเรืองชาย สุพรรณพงศ์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการองค์กร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด
  • นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน)
  • นายณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) 

นักลงทุนสถาบันจากองค์กรชั้นนำ อาทิ เช่น

  • กองทุน สิงห์ เวนเจอร์ส
  • บริษัท วัชรพล จำกัด (ไทยรัฐ)
  • บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท บีซีเอช เวนเจอร์ส จำกัด ในกลุ่มบริษัทเบญจจินดา

“ทีมงาน SeaX Ventures รู้สึกยินดีอย่างมากที่ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุน เราตั้งเป้าสร้างผลตอบแทนและการเติบโตทางธุรกิจให้กับนักลงทุนและสตาร์ทอัพ รวมทั้งผลักดันการเติบโตของ Deep Technology ในภูมิภาค เพื่อสร้าง Synergy ให้กับธุรกิจ เร่งสปีดการทรานส์ฟอร์มองค์กรอย่างเป็นรูปธรรมและ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปพร้อมกันกับนักลงทุนของเรา” นายแพทย์ศุภชัย กล่าวทิ้งท้าย

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ SeaX Ventures เพิ่มเติมได้ที่ https://www.riseaccel.com/venture 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพื่อเติม

ปารมี อินทรชุมนุม

ผู้จัดการฝ่ายการตลาด

book@riseaccel.com

เกี่ยวกับ SeaX Ventures

SeaX Ventures หรือ Southeast Asia Exponential Ventures กองทุนสตาร์ทอัพ ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2018 ภายใต้ความร่วมมือกับ RISE สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร ลงทุนในสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้นและระยะเติบโตที่มี Deep Technology ใน 6 ด้าน ได้แก่ Blockchain, Foodtech, Biotech & Life Science, Artificial Intelligence, Robotics และ IoT & Hardware ที่มีแนวโน้มในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตทั้งในอาเซียนและซิลิคอนวัลเล่ย์

เกี่ยวกับ RISE

RISE สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร มีภารกิจหลัก คือการเพิ่ม 1% ผลิตภัณฑ์มวลรวม (Gross Domestic Product) ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  RISE ทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กรผ่านแพลตฟอร์มที่ RISE ออกแบบมาเพื่อให้องค์กรประสบความสำเร็จในการสร้างนวัตกรรม อาทิ เช่น ศูนย์เร่งสปีดนวัตกรรมให้องค์กร (Corporate Accelerator), มหาวิทยาลัยผู้ประกอบการในองค์กร (Intrapreneur University), บริการสร้างธุรกิจใหม่ (Venture Building Services) และ งานสัมมนานวัตกรรมองค์กรที่เน้นการลงมือทำจริงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย (Corporate Innovation Summit : CIS – Asia’s Largest Experiential Conference) เป็นต้น

4 ปีที่ผ่านมา RISE ได้สร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมองค์กรผ่านเครือข่ายทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นองค์กรชั้นนำกว่า 500 แห่งในเอเชีย สตาร์ทอัพกว่า 2,000 ราย และคอมมูนิตี้ด้านนวัตกรรมในอีก 40 ประเทศทั่วโลก ภายในเวลา 4 ปี RISE ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์มวลรวมกว่า 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่าการจ้างงานเพิ่มกว่าแสนตำแหน่งให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ RISE ได้ที่ https://riseaccel.com

Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest
Share on telegram
Share on skype
Share on whatsapp
Share on email

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

More
articles