ภาพรวมของตลาด Bitcoin จาก On-chain report glassnode สัปดาห์ที่ 48
ในสัปดาห์ที่ 48 ราคาของ Bitcoin ได้ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดของสัปดาห์ที่ $59,339 และปรับตัวลดลงมาทำจุดต่ำสุดของเดือนที่ $53,569 หลังจากที่ตลาดเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับการกระจายตัวของไวรัสสายพันธ์ใหม่

หลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงมากว่า 20% จาก ATH หลายคนเริ่มมีความคิดว่านี่เข้าสู่ bear market หรือยังแต่เมื่อเราเทียบกับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในปีนี้ ขอบอกเลยว่าการปรับตัวลงของราคาในรอบนี้ถือว่าไม่รุนแรงเลยและ HODLers หลายๆท่านก็มองว่าเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดการ correction หลังจากราคาปรับตัวขึ้นมาเป็นระยะหนึ่ง
เมื่อเรามาสังเกตุ price drawdown from ATH หรือ กราฟที่จะแสดงถึงค่าของราคาของ BTC ว่าปรับตัวลงมาจาก ATH มากขนาดไหน
ซึ่งเมื่อเราเทียบกับหลายๆช่วงในปีนี้เราจะเห็นว่าปัจจุบันปรับตัวลงมาเพียง 21.8% ในขณะที่ในเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และเมษายนปรับตัวลดลงถึง 24.2%-29.4% พฤษภาคม 54% และ 37.2% ในเดือนกันยายน

การเปลี่ยนแปลงในตลาด Futures
ในตลาด Options ช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนมี open interest หรือสัญญาที่ยังเปิดค้างไว้อยู่มีมูลค่าๆรวมกันราวๆ $12B – $14B แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมาเหลือเพียง $14B เนื่องจากสัญญาที่มีหมดอายุในช่วงวันที่ 26 พฤศจิกายน

ส่วนในตลาด Futures open interest มีมูลค่ากว่า 400k BTC น้อยกว่า ATH อยู่เล็กน้อย เมื่อเราสังเกตุในช่วงก่อนหน้านี้ หลังจากที่ open interest อยู่เหนือ 350k BTC มีความเป็นไปได้ที่ leverage จะถูกผ่อนลง

Futures perpetual funding rates ได้ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเราสามารถตีความได้ว่าค่า Futures perpetual funding rates ได้ปรับตัวลดลงตามราคาที่ปรับตัวลงและยังสามารถแสดงให้เห็นว่านังลงทุนมีความระมัดระวังในการเทรดมากขึ้น

หลังจากที่ ETF สนับสนุน BTC Futures ทำให้ Futures open interest บน CME ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งในปัจจุบัน open interest แทบจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 10% มาเป็น 19.3% ของตลาดทั้งหมดและ volume ก็ยังเพิ่มขึ้นจาก 1.4% เป็น 6.0% ของตลาดทั้งหมด

การวิเคราะห์ STH
ในปัจจุบันต้นทุนหรือ cost basis (เส้นสีชมพู) ของ STH อยู่ที่ราวๆ $53k เราจะเห็นว่าราคาของ BTC ได้ปรับตัวลดลงมาเกือบแตะ cost basis ของทาง STH ซึ่งครั้งก่อนหน้านี้เมื่อเราอยู่ใน bull market เส้น cost basis จะสามารถนำมาคิดคร่าวๆเป็นเส้นแนวรับได้และกลับกันก็เป็นเส้นแนวต้านใน bear market ได้เช่นกัน โดยที่ในเดือนกันยายนราคาของ BTC ได้วิ่งลงมาแตะแล้วครั้งนึง

เมื่อเรามาสังเกตุในกราฟ realised profit and loss ในช่วงที่ผ่านมานั้น realised profit ได้ปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัดซึ่งเราก็ยังไม่แน่ใจว่าการที่ realised profit ลดลงแบบนี้หมายความว่านักลงทุนเลือก HODL กันมากขึ้นรึเปล่า
นอกจากนี้ realised loss ได้ปรับตัวขึ้นมาถึง $800M ต่อวัน เหมือนช่วงเทขายหลายๆช่วงใน 2021 แต่ยังไม่เท่ากับในช่วงเดือนพฤษภาคม

STH profit/loss ratio ได้ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1 ในช่วงที่ผ่านมาหมายความว่านักลงทุนส่วนใหญ่ realised loss มากกว่า profit นั่นเอง

หลังจากการที่ STH ถูกทดสอบความมั่นใจอีกครั้งหลังจากที่ราคาปรับตัวลงมาแถว cost basis แต่เมื่อเรานำมาสถานการณ์ในปัจจุบันมาเทียบกับในช่วงเดือนกันยายน สถานการณ์ปัจจุบันถอืว่ายังคงดูดีกว่า
supply ทั้งหมดของ STH ที่ profit ได้เพิ่มขึ้นจาก 5.78% ในเดือนกันยายนมาเป็น 60% และ supply ที่ขาดทุนก็น้อยลงเช่นกัน จาก 12.3% มาเป็น 9.6%

การวิเคราะห์ LTH
เมื่อเราย้ายฝั่งมามองในมุมของ LTH หลังจากที่มีการขายทำกำไรไปบ้างจำนวนของ supply ทั้งหมดที่ถูกถือโดย LTH นั่นลดลงราวๆ 150k จาก 13.5k BTC เหลือ 13.35k BTC หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 5.8% ของ volume ที่สะสมมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2021

นอกจากนี้ LTH supply ที่กำไรยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 72.3% เป็น 75.8% และ supply ที่ขาดทุน ก็ลดลงเช่นกันเหลือเพียง 5.80% จาก 9.65% และเมื่อนำไปเทียบกับในเดือนกันยายน สถานการณ์ยังคงดูดีกว่ามากทั้งใน supply ที่กำไรและขาดทุน

ใน LTH SOPR ที่มี treshold ของอายุเหรียญที่ 155 วัน ในช่วงที่ผ่านมาก็ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องและปรับตัวอย่างเห็นได้ชัดอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
จุดที่สำคัญที่สุดคือในเดือนสิงหาคมที่เกิด divergence เนื่องจาก LTH-SOPR ปรับตัวลดลงในขณะที่ราคาของ BTC ปรับตัวขึ้น เราจึงสามารถตีความออกมาได้สองข้อนั่นก็คือ
- ปัจจุบัน LTH มีต้นทุนหรือ cost basis ที่สูงขึ้น
- นักลงทุนอาจจะมีต้นทุนอยู่ในช่วงราคานี้จึงทำให้เกิดการ panic sell หรือ การลดความเสี่ยงโดยการขายในขณะที่ยังกำไรก่อน เนื่องจากราคาเริ่มปรับตัวลงมาหาต้นทุนแล้วนั่นเอง

เมื่อเรานำสัดส่วนของราคา BTC มาเทียบต่อ LTH SOPR เพื่อหา LTH spent price เพื่อดูราคาเฉลี่ยของเหรียญที่ LTH ได้ขายไป
โดยที่เมื่อ LTH spent price (เส้นสีเขียว) นั่นอยู่แถวๆ LTH realised price (เส้นสีชมพู) หมายความว่าเหรียญที่ถูกขายนั่นถือว่ามีต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำมากจึงทำให้นังลงทุนได้กำไรค่อนข้างเยอะ และกลับกันเมื่อเส้นสีเขียวปรับตัวสูงขึ้นก็หมายความว่า LTH นั่นมีต้นทุนที่สูงขึ้นและเกิดการ panic sell นั่นเอง

สรุป
ในสัปดาห์นี้ทาง glassnode ได้พูดถึงสามหัวข้อหลักๆนั่นก็คือ ภาพรวมของตลาด Futures ภาพรวมของนักลงทุนระยะสั้น และ ภาพรวมของนักลงทุนระยะยาว
ซึ่งมี metrics ที่น่าสนใจหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็น supply in profit/loss ของทั้ง STH LTH และยังพูดถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตลาด Futures บน CME หลังจากที่ ETF สนับสนุนการเทรด BTC Futures
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก On-chain report glassnode สัปดาห์ที่ 48
สามารถย้อนกลับไปอ่านภาพรวมตลาดบิทคอยน์หรือบทความต่างๆย้อนหลังได้ ที่นี่