จำนวนประเทศที่แบน Crypto เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลา 3 ปี

Date

Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest
Share on telegram
Share on skype
Share on whatsapp
Share on email
Spread the love

จำนวนประเทศที่แบน Crypto เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลา 3 ปี

แม้ว่าปี 2021 จะเป็นปีที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซีในแง่ของประสิทธิภาพของตลาด แต่จำนวนประเทศที่มีการแบน Crypto นั้นเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า นับตั้งแต่ปี 2018 และอาจเป็นสัญญาณการชะลอตัวของกระแสครืปโตเคอเรนซี่

รายงานโดย Library of Congress (LOC) พบว่ามี 9 ในขณะนี้ที่มีการแบน Crypto แบบเด็ดขาด และมี 42 ประเทศที่มีการแบนโดยนัยยะของกฏหมาย ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 8 และ 15 ตามลำดับในปี 2018

ในบริบทของรายงานจาก LOC การแบนแบบเด็ดขาด หมายถึง “ธุรกรรมหรือการถือครองสกุลเงินดิจิทัลถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย” ในขณะที่การแบนโดยนัยยะของกฎหมาย คือการห้ามการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงธนาคาร และสถาบันการเงินอื่น ๆ จากการ “ให้บริการสกุลเงินดิจิทัลหรือเสนอบริการแก่บุคคล/ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ คริปโตเคอเรนซี่”

ประเทศทั้ง 9 แห่งที่แบนแบบเด็ดขาด ได้แก่ อียิปต์ อิรัก กาตาร์ โอมาน โมร็อกโก แอลจีเรีย ตูนิเซีย บังกลาเทศ และจีน

การเพิ่มขึ้นของประเทศที่แบนหรือต้องการควบคุมคริปโตเคอเรนซี่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาไม่ได้แสดงสัญญาณของการชะลอลงแต่อย่างใด เนื่องจากรัฐบาลหลายแห่งกำลังตรวจสอบทางเลือกของพวกเขา นอกเหนือจากทั้ง 51 แห่งที่มีการห้าม crypto แล้ว ยังมีอีก 103 แห่งที่ได้ใช้มาตรการต่อต้านการฟอกเงินและการต่อสู้กับการระดมทุนของการก่อการร้าย (AML/CFT) ซึ่งเพิ่มขึ้นสามเท่าจาก 33 แห่งในปี 2018

องค์กร NGO ของประเทศสวีเดนได้ออกมาเรียกร้องให้ทำการแบนการขุดคริปโตที่ใช้ Proof of work จากการที่มันต้องใช้พลังงานมหาศาลและการทำลายสิ่งแวดล้อมเพื่อแลกกับการทำให้ระบบสามารถทำงานต่อได้ และประเทศเอสโตเนียก็กำลังจะออกกฏหมายที่สามารถแบนการใช้ Defi และทำให้การเก็บ #Bitcoin ไว้ด้วย Non- Custodial wallet ไม่สามารถทำได้

Admin Aof

Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest
Share on telegram
Share on skype
Share on whatsapp
Share on email

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

More
articles