ภาพรวมของตลาด Bitcoin จาก On-chain report glassnode สัปดาห์ที่ 4, 2022
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่ราคาของ Bitcoin ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวหลังจากที่ราคาเปิดอยู่ที่ $43,413 และปรับตัวลงทำ low อยู่ที่ $34,407 หรือ -49.9% จาก ATH

การมาของ bear market?
หลังจาก bear market ในช่วง 2018-2020 การเทขายในรอบนี้ส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลงจาก ATH มากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากการเทขายในเดือนพฤษภาคม 2021 ที่ปรับตัวลดลงกว่า 54%
โดยที่ปัจจุบันราคาปรับตัวลงมาจาก ATH เกือบ 50% ถือว่าเยอะกว่าการ correction ของราคาในปี 2017 กว่ามาก

ในกราฟ NUPL หรือ net unrealised profit/loss จะแสดงถึงภาพรวมของตลาดที่กำไรเทียบกับ market cap ปัจจุบัน NUPL ปรับลดลงมาอยู่ที่ราวๆ 0.325 หรือคิดเป็นสัดส่วน 32.5% ของ BTC market cap นั่น hold แบบ unrealised profit
ซึ่งในปัจจุบันกราฟ NUPL กับราคาได้เกิด bearish divergence เกิดขึ้น หลังจากที่ราคาทำ ATH แต่ค่า NUPL กับมีค่าน้อยกว่า high เดิม ทาง glassnode จึงตีความไว้ว่านี่อาจจะเป็นช่วง early bear นั่นเอง

กราฟ MVRV Z score จะนำ Market value มาหารกับ realised cap ซึ่งในปัจจุบันค่า MVRV อยู่ที่ราวๆ 0.85 และก็ยังเกิด bearish divergence เช่นกันกับในกราฟ NUPL อีกด้วย
การที่ค่า MVRV นั่นมีค่าที่ต่ำสามารถตีความได้ว่า
- การ correction ครั้งใหญ่ระหว่าง bull market และหลังจากนั้นจะตามด้วยการทำ ATH (สังเกตุที่ลูกศรสีน้ำเงิน)
- เป็นช่วง early bear market จากเกิดการเทขายหลังจากราคาทำ high และเกิดการ panic sell ของนักลงทุนตามมา (สังเกตุที่ลูกศรสีชมพู)
- ช่วงกลางถึงปลายของ bear market (สังเกตุในกรอบสี่เหลี่ยมสีแดงข้างล่าง)
ซึ่งตอนนี้ถ้าหากค่า MVRV ไม่สามารถดีดตัวจากโซน 0.85 ได้ ทาง glassnode ได้ตีความไว้ว่าอาจจะเป็นช่วงที่ตลาดเลือกไปในทางขาลงมากกว่านั่นเอง

ในกราฟ realized price to liveliness ratio
- เส้นสีส้ม: จะแสดงถึงราคาที่ HODLers รู้สึกว่า BTC มัน worth ที่ราคานั้นๆ ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ตอนนี้ราคาที่ HODLers มองว่าสมเหตุสมผลต่อ 1 BTC จะอยู่ที่ราวๆ $39.2k
- เส้นสีน้ำเงิน: จะแสดงถึงค่าเฉลี่ยต้นทุนของตลาดทั้งหมดซึ่งปัจจุบันมีค่าอยู่ที่ $24.2k
การที่เราอยู่ใน bull market แน่นอนว่าราคาไม่ควรปรับตัวหลุดเส้นสีส้ม แต่ในตอนนี้ราคาได้หลุดเส้นสีส้มหรือ HODLer fair value มาแล้ว ซึ่งนี่อาจจะหมายถึงการเริ่มต้นของ bear market นั่นเอง

ประเมิณความเสียหาย
หลังจาที่ราคาปรับตัวลงอย่างรวดเร็วในวันที่ 21 มกราคม ส่งผลให้มี Net realized loss กว่า $2.5B ค่อนข้างใกล้เคียงกับช่วงเทขายในเดือนพฤษภาคม 2021 ที่มี net realized loss กว่า $2.65B

เราลองมาสังเกตูใน total realised loss ของ 7 วันที่ผ่านมา เราจะเห็นว่านักลงทุนสูญเงินไปกว่า $7.57B แต่เมื่อเทียบกับการเทขายในรอบก่อนๆ รอบนี้มีจำนวน realised loss ที่น้อยที่สุด ซึ่งอาจจะแสดงถึงความระมัดระวังมากขึ้นของนักลงทุนเช่นกัน

เจ็บระยะสั้น เพื่อการเติบโตระยะยาว?
ปัจจุบันค่า STH SOPR ได้หลุดแนวรับที่ 1.0 ลงมาแล้ว แสดงให้เห็นถึงการที่ STH ตัดสินใจขาย BTC ในราคาที่ต่ำกว่าทุนเพื่นำทุนของตัวเองกลับมา จึงทำให้เกิดแรงเทขายในช่วงต่อมาได้นั่นเอง

เหรียญที่ STH ถืออยู่นอก exchange ถือว่าเป็น 18.3% ของ supply ทั้งหมด ซึ่งโซนสีชมพูในกราฟหมายถึง STH ที่กำลังขาดทุนอยู่ และในปัจจุบันแทบจะเกือบ 100% ของ STH ที่เก็บเหรียญไว้นอก exchange นั่นกำลังขาดทุนอยู่นั่นเอง

เมื่อเรามาสังเกตุในฝั่ง LTH กันบ้าง เราจะเห็นว่าหลังจากเกิดการเทขายเกิดขึ้น สัดส่วนของ supply ที่ขาดทุนเพิ่มขึ้นกว่า 6.04% เลยทีเดียว

ปัจจุบันจำนวนของ supply ที่มีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 2021 low ที่ 53.5% มาเป็น 59.3% แสดงถึงช่วงตลาดขาลงที่ HODLers ส่วนใหญ่เลือกที่จะ HODL กันต่อไปจึงทำให้จำนวนเหรียญที่มีอายุมากกว่า 1 ปีเพิ่มขึ้นนั้นเอง

สรุป
ทาง glassnode ได้เกริ่น metrics ต่างๆที่ชี้นำว่าตลาดมีแนวโน้มที่จะอยู่ในช่วง early bear market และนอกจากนี้ก็ได้สรุปความเสียหายของนักลงทุนทั้งฝั่ง STH และ LTH หลังจากเกิดการเทขายอีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก On-chain report glassnode สัปดาห์ที่ 4, 2022
สามารถย้อนกลับไปอ่านภาพรวมตลาดบิทคอยน์หรือบทความต่างๆย้อนหลังได้ ที่นี่