
หา Hardware wallet ที่ใช่ เลือกง่ายๆ ไม่ต้องกลัวพลาด ครบจบที่ Bitcast
Share
ในช่วงที่ผ่านมานี้ สินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มถูกพูดถึงในวงกว้างมากขึ้น สื่อกระแสหลักเริ่มเปิดรับ นักลงทุนหลายคนก็เริ่มจัด Bitcoin เข้าพอร์ตกันจริงจัง ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มสนใจการ “เก็บสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยตัวเอง” หรือที่เรียกว่า Self-custody มากขึ้น
หนึ่งในอุปกรณ์ยอดฮิตที่คนจริงจังเลือกใช้ก็คือ Hardware Wallet
แต่พอเริ่มหาข้อมูลจริง ๆ… กลับเจอทางเลือกเยอะมาก จนเลือกไม่ถูก
วันนี้แอดเลยจะพาเพื่อน ๆ มาดู เกณฑ์เลือก Hardware Wallet เบื้องต้นแบบเข้าใจง่าย พร้อมเปรียบเทียบแบรนด์ดัง ที่ Bitcast เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
รุ่นไหนเหมาะกับมือใหม่ รุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง มาดูกันครับ
ความปลอดภัย (Security)เกณฑ์สำคัญในการเลือก Hardware wallet
การเลือก Hardware Wallet ที่ใช่ ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เพื่อให้คุณได้อุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด
1. ความปลอดภัย (Security)
- Secure Element (SE) : คือชิปพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อเก็บ Private key ของคุณให้ปลอดภัยจากการงัดแงะ โดยมีการรับรองมาตรฐาน EAL (Evaluation Assurance Level) ซึ่งระบุถึงความละเอียดถี่ถ้วนของการทดสอบ ยิ่ง EAL สูง (เช่น EAL6+) ยิ่งหมายถึงกระบวนการออกแบบและการทดสอบที่เข้มงวด
- Air-gapped : หมายถึงการทำงานแบบ ออฟไลน์ 100% อุปกรณ์จะไม่มีการเชื่อมต่อข้อมูลโดยตรงกับอินเทอร์เน็ตหรืออุปกรณ์ออนไลน์อื่นๆ การสื่อสารทำผ่าน QR Code หรือ MicroSD Card เท่านั้น ช่วยป้องกันภัยคุกคามออนไลน์ได้อย่างสมบูรณ์
- Open-Source : การที่โค้ดของทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ทำให้ทุกคนสามารถตรวจสอบหาช่องโหว่ได้ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ
- การป้องกันการงัดแงะ (Tamper Protection): กลไกที่ออกแบบมาเพื่อตรวจจับหรือป้องกันการเข้าถึงอุปกรณ์โดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น ซีลกล่อง หรือการลบข้อมูลอัตโนมัติหากถูกงัดแงะ
- ตัวเลือกการสำรองข้อมูล : วิธีมาตรฐานคือ Seed Phrase (BIP39) แต่บางรุ่นรองรับ Shamir Backup (SLIP39) ซึ่งเป็นการแบ่ง Seed Phrase ออกเป็นหลายส่วน เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
2. ประสบการณ์ผู้ใช้และความสะดวกในการใช้งาน (User Experience)
- หน้าจอ(Interface) : จอแสดงผลเป็นแบบไหน? จอสัมผัส จอสีจอขาวดำ ขนาดของหน้าจอ จอใหญ่ที่ใช้งานได้ง่ายเหมือนสมาร์ทโฟน หรือเป็นรูปแบบปุ่มกด?
- ความยากง่ายในการตั้งค่าและเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเสริม
3. ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค (Technical Specifications)
- จอแสดงผล: ขนาดและความละเอียดมีผลต่อความชัดเจนในการอ่านข้อมูลและการยืนยันธุรกรรม
- การเชื่อมต่อ : มีตัวเลือกอะไรบ้าง เช่น USB-C, Bluetooth, QR Code, MicroSD
- แบตเตอรี่ : ความจุและประเภท ชาร์จได้, ถอดเปลี่ยนได้, หรือไม่มีแบตเตอรี่ เป็นต้น
- สกุลเงินดิจิทัลที่รองรับ : รองรับ Bitcoin เท่านั้น หรือรองรับเหรียญและโทเค็นอื่น ๆ ร่วมด้วย
4. วัสดุและการสร้างคุณภาพ (Material & Build Quality)
- วัสดุที่ใช้ มีผลต่อความทนทาน ความรู้สึกในการใช้งาน และรูปลักษณ์ภายนอก
5. ราคาและการวางจำหน่าย
- ราคาเหมาะสมกับงบประมาณหรือไม่? และควรซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เพื่อหลีกเลี่ยงอุปกรณ์ปลอมแปลง
6. เหมาะสมกับใคร
- อุปกรณ์นี้เหมาะกับใคร? เช่น มือใหม่, ผู้เน้นความปลอดภัยสูงสุด, Bitcoin Maximalist, ผู้ใช้งาน Multi-coin, ผู้ใช้งานขั้นสูง เป็นต้น
แอดรวม Hardware Wallet ตัวท็อป 5 แบรนด์ที่ Bitcast เป็นตัวแทนขายอย่างเป็นทางการมาเปรียบเทียบให้เพื่อน ๆ ดูกันแบบเข้าใจง่ายๆครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะเข้าใจยาก เพราะแอดสรุปมาให้แล้ว มีตัวไหนบ้าง? มาดูกันครับ
1. Foundation Passport Core (Batch 2) : มือถืออาม่า แต่เก็บ Bitcoin ขั้นเทพ
คุณสมบัติเด่น
- เน้น Bitcoin เท่านั้น ปลอดภัยและเสถียรสุดๆ สำหรับสาวก Bitcoin โดยเฉพาะ
- Air-gapped 100% ทำงานแบบออฟไลน์ ผ่าน QR Code และ MicroSD เท่านั้น USB-C มีไว้ชาร์จไฟอย่างเดียว
- Open-Source ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
- ดีไซน์พรีเมียม : วัสดุแข็งแรงทนทาน ใช้ กระจกพิเศษ และ โครงโลหะชุบทองแดง ให้ความรู้สึกในการสัมผัสที่ดี
- แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้ ใช้แบตเตอรี่ Nokia BL-5C หาซื้อง่าย เปลี่ยนเองได้เลย
- แป้นพิมพ์ T-9 ให้กดเหมือนมือถือรุ่นเก่า
ความปลอดภัย
- มี Secure Element (Microchip 608b) ช่วยเก็บ Private Key
- มีระบบตรวจสอบการงัดแงะ, ไฟแสดงสถานะความปลอดภัย และคำป้องกันการหลอกลวง
เหมาะสมกับ
- ผู้ที่เน้น Bitcoin เป็นหลัก และต้องการความปลอดภัยสูงสุดแบบ Air-gapped
- ผู้ที่ให้ความสำคัญกับ Open-Source และคุณภาพวัสดุ
- มือใหม่ที่อยากลอง Hardware Wallet พรีเมียม
ราคา 8,550บาท Foundation Passport
2. Blockstream Jade Plus : อุปกรณ์อัจฉริยะแบบโอเพนซอร์ส
คุณสมบัติเด่น
- รองรับ Bitcoin และ Liquid assets
- Virtual Secure Element (VSE) : เป็นนวัตกรรมความปลอดภัยเฉพาะของ Jade ไม่ใช้ชิป SE แบบดั้งเดิม แต่ใช้วิธีเข้ารหัสกลไกถอดรหัสไว้นอกอุปกรณ์ ต้องทำงานร่วมกับ "Blind Oracle" (เซิร์ฟเวอร์ลับ) ทำให้แฮกยากขึ้น เพราะต้องเจาะทั้งเครื่องและ Oracle
- Open-Source ทั้งหมด
- เชื่อมต่อได้หลากหลาย มีทั้ง USB-C, Bluetooth และ QR Code
- หน้าจอ IPS LCD สี 1.9 นิ้ว แสดงผลชัดเจน
- อัปเกรดเฟิร์มแวร์แบบ Air-gapped ได้
ความปลอดภัย
- Virtual Secure Element ที่เป็น Open-Source
- Private Key เก็บออฟไลน์ และตัวเครื่องไม่เชื่อมเน็ตตรงๆ
เหมาะสมกับ
- ผู้ใช้ Bitcoin และ Liquid assets ที่ต้องการความปลอดภัยสูงและโปร่งใสแบบ Open-Source
- ผู้ที่ชอบความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อ (มีสาย/ไร้สาย/ออฟไลน์)
- คนที่สนใจเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ๆ ที่แตกต่าง
ราคาโดยประมาณ: $149.99 (รุ่นมาตรฐาน) - $169 (รุ่นโลหะ)
3. Keystone 3 Pro : จอใหญ่ ทัชง่าย เหรียญเยอะ
คุณสมบัติเด่น
- หน้าจอสัมผัสขนาด 4 นิ้ว ใหญ่ ใช้งานง่ายเหมือนสมาร์ทโฟน
- รองรับเหรียญมากกว่า 5,500 สกุลและเชื่อมต่อกับ software wallet ได้หลากหลาย
- Air-gapped Design : ทำงานออฟไลน์ผ่าน QR Code และ MicroSD USB-C มีไว้ชาร์จไฟเท่านั้นในโหมดนี้
- สแกนนิ้วมือปลดล็อกได้ ปลอดภัยและสะดวก
- สร้าง Seed phrase ได้สูงสุด 3 ชุด
ความปลอดภัย
- มี Secure Element ถึง 3 ตัวได้รับการรับรอง EAL5+ หรือ EAL6
- มีระบบ Anti Blind Signing แสดงรายละเอียดธุรกรรม
- ป้องกันการงัดแงะอัตโนมัติ (ลบข้อมูลเองถ้าโดนงัด)
- รองรับ Shamir Backup และ Multi-Sig
เหมาะสมกับ
- นักลงทุนที่ถือเหรียญหลากหลาย และต้องการความปลอดภัยสูง
- ผู้ที่ชอบ Hardware Wallet จอใหญ่ ใช้งานง่ายด้วยระบบสัมผัส
- คนที่ใช้ Software wallet เป็นประจำ
- เหมาะสำหรับคนที่มีหลายพอร์ต หรือแยกสินทรัพย์
ราคา 5,390บาท Keystone 3 Pro
4.OneKey
4.1) OneKey Classic 1S : เล็ก บาง พกพาง่าย เหรียญเยอะ
คุณสมบัติเด่น
- หน้าจอ OLED ขาวดำ 0.96 นิ้ว (128x64 พิกเซล)
- เชื่อมต่อ USB-C และ Bluetooth
- แบตเตอรี่: 110mAh (รุ่นมาตรฐาน), รุ่น "Pure" ไม่มีแบตเตอรี่
- รองรับเหรียญมากกว่า 5,000 สกุล
- พกพาสะดวกเป็นพิเศษ(บางและเบา)
ความปลอดภัย
- ชิปความปลอดภัย: ATECC608A และ THD89
- Secure Element (EAL 6+)
- Open-Source 📖
- บรรจุภัณฑ์ถูกซีลมาอย่างดี ป้องกันการดัดแปลงระหว่างขนส่ง
เหมาะสมกับ
- ผู้ที่ต้องการความสะดวกในการพกพาเป็นพิเศษ
- งบประมาณจำกัด
- ผู้ที่มีพอร์ตโฟลิโอ Altcoin/NFT ที่หลากหลาย
- ผู้ที่ให้ความสำคัญกับ Open-Source และความปลอดภัยที่ได้รับการรับรอง
ราคา
Onekey Classic 1S : 3,790บาท One Key Classic 1S
Onekey Classic 1S Pure : 3,390บาท One Key Classic 1S Pure
4.2) OneKey Pro 🔑: ตัวท็อปฟีเจอร์แน่น ปลอดภัยจัดเต็ม
คุณสมบัติเด่น
- หน้าจอสัมผัส IPS สี 3.5 นิ้ว รองรับมัลติทัช
- ชาร์จไร้สายได้ วางแปะก็ชาร์จได้เลย สะดวกสุดๆ
- สแกนนิ้วมือปลดล็อก ที่ปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง
- รองรับเหรียญมากกว่า 5,000 สกุลและใช้ได้กับ Windows, macOS, Linux, Android, iOS
- เชื่อมต่อได้ทั้ง Bluetooth, USB-C และ Air-Gapped (QR code)
ความปลอดภัย
- มี Secure Element ถึง 4 ตัว ได้รับการรับรอง EAL6+
- มี Air-gapped Signing ผ่านกล้อง (สแกน QR เพื่อเซ็นธุรกรรม)
- ฉลากป้องกันการงัดแงะ (Self-destruct labels): สามารถบอกได้ว่ากล่องเคยถูกเปิดมาก่อนหรือไม่
- บรรจุภัณฑ์ถูกซีลมาอย่างดี ป้องกันการดัดแปลงระหว่างขนส่ง
เหมาะสมกับ
- ผู้ที่ต้องการ Hardware Wallet ที่ ปลอดภัยขั้นสุด (แบบมี Secure Element เยอะและระดับสูง)
- นักลงทุนที่มีพอร์ตโฟลิโอหลากหลายและต้องการฟีเจอร์พรีเมียมครบครัน
- ผู้ที่ชอบความสะดวกสบายในการใช้งาน เช่น ชาร์จไร้สาย และสแกนนิ้ว
ราคา 10,900บาท : One Key Pro
5. Trezor : เจ้าแห่ง Open-Source และความน่าเชื่อถือ
5.1) Trezor Model One : รุ่นคลาสสิก ดั้งเดิม ราคาประหยัด
คุณสมบัติเด่น
- ราคาถูกที่สุด
- หน้าจอ OLED ขาวดำ 0.96 นิ้ว พร้อมปุ่มกดสองปุ่ม
- เชื่อถือได้ เพราะอยู่ในตลาดมานานกว่า 10 ปี
- ใช้กับแอป Trezor Suite
ความปลอดภัย
- Open-Source เต็มตัว
- ป้อน PIN/Passphrase บนเครื่องโดยตรง
- มีซีลป้องกันการงัดแงะ
- ใช้เป็น 2FA ได้
เหมาะสมกับ
- มือใหม่และผู้ที่คำนึงถึงงบประมาณ
- ผู้ที่ต้องการ Cold Storage ที่เชื่อถือได้และใช้งานง่าย
- คนที่ไม่ได้ต้องการฟีเจอร์ซับซ้อน หรือรองรับเหรียญเยอะมากๆ
ราคา 3,315บาท : Trezor model one
5.2) Trezor Safe 3: รุ่นเล็ก มี Secure Element คุ้มค่า
คุณสมบัติเด่น
- ราคาเข้าถึงง่าย
- หน้าจอ OLED ขาวดำ 0.96 นิ้ว พร้อมปุ่มกดสองปุ่ม (คลาสสิก)
- มีรุ่น Bitcoin-only และรุ่นที่รองรับหลายสกุลเงิน
- Seed phrase 20 คำ (มาตรฐาน SLIP-39) และยังรอบรับ BIP-39
- ใช้กับแอป Trezor Suite
ความปลอดภัย
- มี Secure Element ที่ได้รับการรับรอง EAL6+(รุ่นนี้เพิ่ม SE เข้ามา)
- Open-Source
- ป้อน PIN/Passphrase บนเครื่องโดยตรง
เหมาะสมกับ
- มือใหม่ที่ต้องการ Hardware Wallet คุณภาพดี มี Secure Element ในราคาที่เข้าถึงได้
- ผู้ที่ต้องการ Bitcoin-only ในราคาประหยัด
ราคา 4,360บาท
รุ่น Bitcoin only : Trezor Safe 3 - Bitcoin only
รุ่นปกติ : Trezor Safe 3
5.3) Trezor Safe 5 : หน้าจอสี ทัชลื่น ปลอดภัยสุดๆ
คุณสมบัติเด่น
- หน้าจอสัมผัส LCD สี 1.54 นิ้ว, 240x240 พิกเซล พร้อม Haptic Feedback
- เชื่อมต่อ USB-C
- CPU โปรเซสเซอร์ ARM แบบฝังตัว 160MHz (Cortex M33)
- ช่องเสียบ MicroSD
- มีรุ่น Bitcoin only และรุ่นที่รองรับหลายสกุลเงิน
- Seed phrase 20 คำ (มาตรฐาน SLIP-39) และยังรอบรับ BIP-39
- ใช้กับแอป Trezor Suite
ความปลอดภัย
- Secure Element (EAL 6+) 🛡️
- Shamir Backup
- Open-Source 📖
- หน้าจอ Gorilla® Glass 3 🦍
- ป้อน PIN/Passphrase บนเครื่องโดยตรง
เหมาะสมกับ
- ผู้ใหม่และนักลงทุนที่มีประสบการณ์,
- ผู้ที่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ
- ผู้ที่ต้องการประสบการณ์ผู้ใช้ที่ใช้งานง่าย
ราคา 10,440บาท
รุ่น Bitcoin only : Trezor Safe 5 - Bitcoin only
รุ่นปกติ : Trezor Safe 5
บทสรุป: เลือก Hardware Wallet ที่ใช่สำหรับคุณ
การตัดสินใจเลือก Hardware Wallet ที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับความต้องการและลำดับความสำคัญของคุณเป็นหลัก
- งบประมาณ : คุณมีงบประมาณเท่าไหร่? ตั้งแต่ Trezor Model One ราคาประหยัด ไปจนถึง OneKey Pro ที่ฟีเจอร์จัดเต็มและราคาสูง
- ประเภทของเหรียญที่คุณถือ : คุณเน้น Bitcoin อย่างเดียว หรือมีพอร์ตโฟลิโอหลากหลาย
- ระดับความปลอดภัยและรูปแบบที่คุณต้องการ : คุณต้องการ Air-gapped หรอไม่ หรือคุณ Secure Element ระดับสูงสุด หรือต้องการ Secure Element ที่มากกว่า 1
- ความยากง่ายในการใช้งานที่คุณคาดหวัง : ขึ้นอยู่กับความต้องการส่วบุค เช่น คุณชอบแบบปุ่มกดหรือจอสัมผัส จอขาวดำจอสี ขนาดเล็กขนาดใหญ่ เป็นต้น
แอดหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลือก Hardware Wallet ที่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนและการใช้งานของคุณได้ง่ายขึ้นนะครับ