
รู้จักแบรนด์ Hardware Wallet จากทั่วโลก /EP.3 แบรนด์สาย Hardcore และ Niche
Share
ใน EP.1 เราได้พาคุณไปรู้จักกับแบรนด์ยอดนิยมที่ใช้งานง่าย
ใน EP.2 เราเปิดโลกของนวัตกรรมและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนประสบการณ์การใช้งาน
แต่ใน EP.3 นี้ เราจะก้าวลึกไปอีกระดับ สู่ โลกของ Hardware Wallet ที่ยึดแนวทาง Self-Custody อย่างเคร่งครัด
แบรนด์ที่เราคัดเลือกใน EP. นี้มีสิ่งหนึ่งร่วมกันคือ พวกเขาไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ “ทุกคน” แต่สำหรับคนที่ “รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่” เท่านั้น
บางแบรนด์ให้คุณประกอบอุปกรณ์เอง
บางแบรนด์ไม่รองรับอะไรเลยนอกจาก Bitcoin
บางแบรนด์ใช้ได้เฉพาะกับซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส และไม่มีทางเชื่อมต่อกับอะไรที่ออนไลน์ได้ง่าย ๆ
ถ้าคุณเป็นสาย Bitcoin Maximalist, นักพัฒนา, หรือผู้ที่จริงจังกับ Sovereignty – EP.3 นี้คือพื้นที่ของคุณครับ
EP.3 แบรนด์สาย Hardcore และ Niche
EP.3 นี้เราคัดเลือกจากเกณฑ์อะไร?
เพื่อให้เข้าใจโลกของ Hardware Wallet ได้อย่างเป็นระบบ ซีรีส์ Master List นี้จะแบ่งแบรนด์ออกเป็น 3 กลุ่ม โดยใน EP.3 เป็นแบรนด์สาย Hardcore / Open Source ที่เน้นการควบคุมด้วยตัวของคุณเอง ซึ่งคัดเลือกจากเกณฑ์ต่อไปนี้:
- ยึดหลัก Sovereignty หรือ “อำนาจในการถือครองสินทรัพย์อย่างแท้จริง”
- ใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ Open Source เช่น Electrum, Sparrow, Specter ฯลฯ
- เหมาะสำหรับผู้มีประสบการณ์ หรือผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยระดับสูง
เรียกได้ว่าเป็นกลุ่ม "แบรนด์สาย Hardcore และ Niche (มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว)" เหมาะสำหรับเป็นทางเลือกสำหรับ ผู้ใช้งานระดับสูง โดยเฉพาะสาย Bitcoin Maximalist และนักพัฒนา ที่ต้องการควบคุมกระบวนการขั้นตอนบางอย่างด้วยตนเอง
ภาพรวม 10 รายชื่อแบรนด์ Hardware Wallet
กลุ่มนี้คือแบรนด์ที่อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในวงกว้าง แต่มีแนวคิดเฉพาะทางและน่าสนใจ ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้งานที่ต้องการความเฉพาะทางบางอย่างของ Hardware Wallet
- Coldcard (coldcardwallet.com) – ออกแบบเพื่อ Bitcoin โดยเฉพาะ ใช้งานแบบ Air-gapped
- Foundation (foundation.xyz) – ดีไซน์สวย เน้นความเป็นเจ้าของ Open Source เต็มรูปแบบ
- Seedsigner (seedsigner.com) – DIY Hardware Wallet สร้างเองได้ ใช้กล้องถ่าย QR แบบ Air-gapped
- Specter Solution (specter.solutions) – ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับ Multisig ที่ปลอดภัยและโปร่งใสสูงสุด
- Satochip (satochip.io) – การ์ดสมาร์ตสุดบาง รองรับ Bitcoin และ Token ต่าง ๆ แบบ Open Source
- Prokey (prokey.io) – กระเป๋าฮาร์ดแวร์ใช้งานง่าย จอใหญ่ ไม่ต้องติดตั้งแอปแยก
- Corazon (gray.inc/collections/corazon-wallet) – Trezor Model T ในร่างไทเทเนียม ดีไซน์หรูโดย GRAY สำหรับสายคริปโตที่มีสไตล์
- BitLox (bitlox.com) – หน้าจอ e-ink ทนทาน เหมาะกับนักเดินทางหรือสายพกพาระดับสูง
- Opendime (opendime.com) – USB Stick สำหรับใช้ Bitcoin แบบเงินสด ใช้ครั้งเดียวจบ
- Blockstream Jade (blockstream.com/jade) – สร้างโดยบริษัท Core Developer Bitcoin รองรับ Blockstream Green
รายละเอียดข้อมูลของแต่ละแบรนด์
1. Coldcard
- ประเทศต้นกำเนิด: แคนาดา (Canada)
- เปิดตัวครั้งแรก: ปี 2017 (พัฒนาโดย Coinkite Inc.)
- รุ่นยอดนิยม: Coldcard Mk4, Coldcard Q
-
จุดเด่น:
- Bitcoin-only wallet ที่ออกแบบมาเพื่อ “ความปลอดภัยสูงสุด”
- รองรับการใช้งานแบบ Air-gapped ผ่าน MicroSD card
- ใช้ PSBT (Partially Signed Bitcoin Transaction) สำหรับการเซ็นธุรกรรม
- มี Secure Element + PIN + Anti-phishing login
- ใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์เช่น Sparrow, Electrum, Specter ได้เต็มรูปแบบ
-
ประสบการณ์การใช้งาน:
- เหมาะกับผู้ที่จริงจังเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะสาย Multisig
- หน้าจอเล็กแต่ใช้งานได้ครบ คำสั่งชัดเจน และมีคำแนะนำจากชุมชนมากมาย
- ไม่มี Bluetooth, ไม่มีหน้าจอสัมผัส, ไม่มี cloud — ปลอดภัยสุดขั้ว
-
ข้อควรระวัง:
- UX ไม่เหมาะกับมือใหม่โดยตรง ต้องศึกษาเรื่อง PSBT, seed setup และการใช้งาน microSD workflow ก่อน จึงจะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
- ใช้งานได้เฉพาะ Bitcoin เท่านั้น
- อาจต้องเตรียม microSD และอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม (เช่น Battery Pack, COLDPOWER Adapter) สำหรับ air-gapped operation
2. Foundation
- ประเทศต้นกำเนิด: สหรัฐอเมริกา (United States of America)
- เปิดตัวครั้งแรก: ปี 2021
- รุ่นยอดนิยม: Passport Batch 2
-
จุดเด่น:
- Bitcoin-only wallet รองรับเฉพาะ Bitcoin เท่านั้น
- ออกแบบสวยงาม ดีไซน์ “Digital Deco” ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Art Deco จัดวางปุ่มโลหะสีทองแดงบนตัวเครื่องพลาสติกคุณภาพสูง
- ใช้ QR code ในการเซ็นธุรกรรม (Air-gapped) ไม่มี USB, ไม่มี Bluetooth, Wi-Fi หรือ NFC ลดช่องโหว่ด้านการเชื่อมต่อไร้สาย
- รองรับ PSBT และ Multisig
- โอเพ่นซอร์สเต็มรูปแบบ ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
- ฟีเจอร์ UX สำหรับสายเทคนิคที่ดูเป็นมิตร เช่น เลือก path / firmware ผ่านหน้าจอ
-
ประสบการณ์การใช้งาน:
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูงแต่ไม่ต้องการซับซ้อนแบบ Coldcard
- หน้าจอใหญ่ ใช้งานง่าย รองรับ Sparrow, Specter, BlueWallet
- บรรจุภัณฑ์และคู่มือคุณภาพสูง ให้ความรู้สึกแบบ premium
- ข้อควรระวัง:
-
- ไม่มีระบบ backup phrase อัตโนมัติ — ต้องจดและเก็บ seed เอง
- ราคาสูงกว่าฮาร์ดแวร์วอลเล็ตทั่วไป เหมาะกับผู้ที่ให้ความสำคัญกับ security & UX เป็นหลัก
3. Seedsigner
- ประเทศต้นกำเนิด: สหรัฐอเมริกา (United States of America)
- เปิดตัวครั้งแรก: ปี 2021 (ในรูปแบบ DIY project)
- รุ่นยอดนิยม: ไม่มีรุ่นสำเร็จรูป ต้องประกอบเอง (SeedSigner kits)
-
จุดเด่น:
- DIY Hardware Wallet แบบ Open Source เต็มรูปแบบ
- ไม่มีการเก็บข้อมูลไว้ในเครื่องเลย ใช้งานแบบ “Stateless”
- ใช้กล้องในการสแกน QR Code / สร้าง seed ด้วยมือ (จากลูกเต๋า ฯลฯ)
- ราคาอุปกรณ์ค่อนข้างถูก เพราะใช้ Raspberry Pi Zero + กล้อง + จอเล็ก
- ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ Bitcoin ระดับสูง เช่น Sparrow, Electrum, Specter ได้เต็มรูปแบบ
-
ประสบการณ์การใช้งาน:
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการ “รู้ทุกขั้นตอน” ของ self-custody และ multi-signature wallet setup
- UI ออกแบบเรียบง่าย ให้คำแนะนำครบทั้งขั้นตอนตั้งแต่การสร้าง seed ไปจนถึงการเซ็น PSBT
- ชุมชนผู้ใช้และเอกสารบนเว็บ seedsigner.com มีตัวอย่าง walkthrough และ guide ให้เลือกครบทั้ง beginners และ advanced
- ต้องมีความเข้าใจด้านเทคนิคเล็กน้อยในการประกอบและติดตั้งระบบ
- ข้อควรระวัง:
-
- ไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น ไม่มีระบบสำรองใด ๆ ให้โดยอัตโนมัติ
- อุปกรณ์ไม่ได้ผ่านการรับรองจากผู้ผลิตรายใหญ่ ผู้ใช้ต้องประเมินความเสี่ยงเอง
- ต้องประกอบ & ตั้งค่าด้วยตัวเอง — ไม่ใช่อุปกรณ์สำเร็จรูป ต้องมีความรู้เบื้องต้นด้าน Raspberry Pi และ Linux
4. Specter Solution
- ประเทศต้นกำเนิด: เยอรมนี (Germany)
- เปิดตัวครั้งแรก: ปี 2020
- รุ่นยอดนิยม: Specter DIY
-
จุดเด่น:
- เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์สำหรับ Bitcoin Self-custody
- รองรับ Multisig แบบละเอียด ใช้กับ Full Node ได้ง่าย
- Specter DIY ใช้ STM32-based device + QR Code เซ็นธุรกรรมแบบ air-gapped
- โอเพ่นซอร์สเต็มระบบ ทั้ง GUI และ Firmware
- ชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์หาซื้อได้ทั่วไป เพื่อลดความเสี่ยงด้าน supply chain
-
ประสบการณ์การใช้งาน:
- เหมาะกับผู้ที่รัน Full Node และต้องการควบคุมกระบวนการธุรกรรมทุกขั้นตอน
- ใช้ร่วมกับ Coldcard, Passport, Trezor, Ledger, SeedSigner ได้
- การใช้งานต้องติดตั้ง Specter Desktop และเชื่อมกับ Node เอง
- ข้อควรระวัง:
-
- ไม่เหมาะกับมือใหม่แบบ Plug-and-Play เนื่องจากต้องเข้าใจแนวคิด PSBT, multisig, การรัน node และการประกอบฮาร์ดแวร์เบื้องต้น
- ไม่ใช่ Hardware Wallet สำหรับใช้เดี่ยว ๆ แต่เป็น ecosystem
- Specter DIY ต้องประกอบเอง และยังไม่มีการผลิตเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ หากไม่สะดวกประกอบเอง อาจต้องพึ่งผู้ให้บริการ third-party ที่ขาย kit สำเร็จรูป
5. Satochip
- ประเทศต้นกำเนิด: เบลเยียม (Belgium)
- เปิดตัวครั้งแรก: ปี 2020
- รุ่นยอดนิยม: Satochip Card
-
จุดเด่น:
- Smartcard-based wallet ที่ใช้งานคล้ายบัตร ATM
- ใช้งานคู่กับ Satochip client หรือ Electrum
- รองรับ Bitcoin, Ethereum, Litecoin, และ Token ต่าง ๆ
- โอเพ่นซอร์สซอฟต์แวร์ + การ์ดสามารถใช้งานกับ NFC reader ได้
-
ประสบการณ์การใช้งาน:
- เหมาะกับผู้ใช้ที่อยากได้ความบาง สะดวก แต่ยังคงควบคุมคีย์เอง
- ติดตั้งง่าย “เสียบหรือแตะแล้วใช้งาน” ผ่าน Satochip client หรือ NFC reader บน macOS/Windows/Linux/iOS/Android
- การ์ดมี PIN และระบบ backup ผ่าน BIP39
- ข้อควรระวัง:
-
- ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับผู้อ่าน Smartcard และอุปกรณ์ที่ใช้ร่วม
- ไม่มีหน้าจอในตัว → ต้องใช้ device ภายนอกยืนยันธุรกรรม
6. Prokey
- ประเทศต้นกำเนิด: มาเลเซีย (Malaysia)
- เปิดตัวครั้งแรก: ปี 2019 (เปิดตัวสินค้าครั้งแรกปี 2020)
- รุ่นยอดนิยม: Prokey Optimum
-
จุดเด่น:
- กระเป๋า Hardware Wallet ที่เน้น UX ใช้งานง่ายที่สุดในกลุ่ม Open Source
- ไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ – ใช้ผ่าน Web Interface ได้เลย (WebUSB)
- รองรับ Bitcoin, Ethereum, ERC-20, และเหรียญกว่า 3,200+ สกุล
- โอเพ่นซอร์สทั้งเฟิร์มแวร์และไลบรารี JS
-
ประสบการณ์การใช้งาน:
- เหมาะกับผู้เริ่มต้นที่ต้องการใช้อุปกรณ์แบบ Open Source
- UI ชัดเจน หน้าจอขนาดใหญ่ อ่านง่าย
- การใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ไม่ต้องลงแอปแยก → สะดวกมาก
- ข้อควรระวัง:
-
- WebUSB Phishing Risk – ควรเชื่อมต่อผ่านเว็บไซต์ทางการ wallet.prokey.io เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเว็บไซต์ปลอม
- ยังไม่รองรับการใช้งานแบบ Air-gapped หรือ Multisig ลึก เทียบกับอุปกรณ์เฉพาะทางเช่น Coldcard
7. Corazon (by GRAY)
- ประเทศต้นกำเนิด: สิงคโปร์ (Singapore)
- เปิดตัวครั้งแรก: ปี 2021 (ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการร่วมกับ Trezor)
- รุ่นยอดนิยม: CORAZON® Titanium, CORAZON® Stealth Titanium, CORAZON® Gold Titanium
-
จุดเด่น:
- เป็น Trezor Model T ภายใน แต่ใช้บอดี้ไทเทเนียมสุดหรูจาก GRAY
- บอดี้ไทเทเนียมคุณภาพสูง โดยตัวเคสทำจากบล็อกไทเทเนียมชุบผิวทราย (sand-blasted) หรือวัสดุอลูมิเนียมสำหรับรุ่นสีต่างๆ
- สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์ของ Trezor แต่ดีไซน์ระดับ Hi-end
- โอเพ่นซอร์สเต็มรูปแบบ ตามมาตรฐานของ Trezor
-
ประสบการณ์การใช้งาน:
- ประสบการณ์ใช้งานเหมือน Trezor Model T ทุกประการ ทั้งการตั้งค่า, เซ็นธุรกรรม, และอัปเดตเฟิร์มแวร์ ผ่าน Trezor Suite
- มาพร้อมกล่องเหล็กหรู สายถักคุณภาพสูง เหมาะกับการให้ของขวัญหรือใช้ในองค์กร
- ข้อควรระวัง:
-
- ราคาสูงกว่าปกติหลายเท่าเพราะวัสดุและดีไซน์
-
ฟีเจอร์ด้านเทคนิคไม่ต่างจากรุ่นมาตรฐาน — ไม่มีการเสริมชิปหรือฟีเจอร์ใหม่ด้านความปลอดภัย เกินไปกว่าการเปลี่ยนบอดี้เท่านั้น
8. BitLox
- ประเทศต้นกำเนิด: ฮ่องกง (Hong Kong)
- เปิดตัวครั้งแรก: ปี 2015
- รุ่นยอดนิยม: BitLox Ultimate
-
จุดเด่น:
- ดีไซน์แบนเรียบ ทำจากโลหะ แข็งแรง ทนทาน ขนาดบางเพียง 4 มม. เหมือนบัตรเครดิต
- ใช้จอ e-ink ซึ่งประหยัดพลังงาน และมองเห็นได้ชัดแม้กลางแจ้ง
- รองรับการใช้งานแบบ Multisig และ BIP39/BIP44
- มีระบบ PIN หลายชั้น + ตัวลวงข้อมูล + โหมดฉุกเฉิน
-
ประสบการณ์การใช้งาน:
- พกพาสะดวก ด้วย form factor บางเฉียบ เหมาะกับนักเดินทางและสาย Outdoor
- ใช้งานง่าย ผ่านเว็บอินเทอร์เฟซหรือแอปมือถือ ไม่ต้องลงซอฟต์แวร์หนัก ๆ
- จอ e-ink ทำให้ประหยัดแบตและดูดีแบบ minimal
-
ข้อควรระวัง:
- UX ซับซ้อนกว่ากระเป๋าทั่วไป ต้องใช้เวลาเรียนรู้
- บางฟีเจอร์อาจต้องใช้แอปเดสก์ท็อปของ BitLox เอง
- ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับฮ
- าร์ดแวร์วอลเล็ตทั่วไป แต่แลกกับวัสดุระดับพรีเมียมและฟีเจอร์ขั้นสูง
9. Opendime
- ประเทศต้นกำเนิด: แคนาดา (Canada)
- เปิดตัวครั้งแรก: ปี 2014 (พัฒนาโดย Coinkite Inc.)
- รุ่นยอดนิยม: Opendime v3, Opendime v4
-
จุดเด่น:
- เป็น “Bitcoin USB Stick” ที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว เหมือนการใช้ธนบัตร
- สร้าง Private Key ภายในอุปกรณ์ ไม่เคยรั่วไหลออกมา จนกว่าจะยืนยัน “unseal” ด้วยการเจาะช่องบนตัวอุปกรณ์
- ใช้สำหรับส่งมอบ Bitcoin แบบออฟไลน์ เหมือนเงินสด
- ไม่ต้องเชื่อมกับอินเทอร์เน็ตหรือเปิดแอปใด ๆ
- ใช้งานง่าย – เสียบ USB เข้าคอมพิวเตอร์ → เปิดไฟล์ HTML บนตัวอุปกรณ์ → ดูยอด Bitcoin → ส่งต่อให้ผู้อื่นได้ทันที
-
ประสบการณ์การใช้งาน:
- เหมาะกับการให้ “Cold Gift” หรือมอบ Bitcoin แบบส่งต่อกันได้จริง
- ไม่ต้องติดตั้งแอปหรือซอฟต์แวร์ใด ๆ ความเรียบง่ายคล้ายธนบัตรทางกายภาพ
-
ข้อควรระวัง:
- ใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น โดยเมื่อ unseal (เจาะ) แล้วจะไม่สามารถใช้ Opendime เดิมอีกรอบ ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่
- ไม่ใช่ Hardware Wallet สำหรับจัดการพอร์ตระยะยาว
- Physical Security สำคัญมาก – หากอุปกรณ์สูญหายก่อน unseal หรือถูกเปิดโดยไม่ตั้งใจ จะสูญเสีย Bitcoin ที่เก็บไว้
10. Blockstream Jade
- ประเทศต้นกำเนิด: แคนาดา (Canada)
- เปิดตัวครั้งแรก: ปี 2021 (พัฒนาโดย Blockstream Inc.)
- รุ่นยอดนิยม: Blockstream Jade Classic, Blockstream Jade Plus
-
จุดเด่น:
- พัฒนาโดย Blockstream บริษัทผู้อยู่เบื้องหลัง Core Developer ของ Bitcoin
- มีหน้าจอสี พร้อมกล้องสำหรับสแกน QR Code แบบ Air-gapped
- เปิดซอร์สเต็มรูปแบบ – ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ (firmware และ companion apps) เปิดโค้ดบน GitHub ให้ชุมชนตรวจสอบได้
- รองรับ Bitcoin-only พร้อม Liquid & Testnet
-
ประสบการณ์การใช้งาน:
- ทำงานร่วมกับ Blockstream Green Wallet ได้ราบรื่น พร้อมรองรับ Sparrow, Electrum, Specter, Nunchuk, BlueWallet, Bitcoin Core, และ HWI-compatible wallets
- มีธีมสีปรับแต่งได้ และฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น SeedQR, duress PIN, stateless signing, TOTP, multisig shield และการสร้าง seed ด้วยลูกเต๋า
- UI บนหน้าจอสีพร้อมปุ่มสองปุ่มและปุ่มเลื่อน (slide wheel) ช่วยให้การนำทางเมนูเป็นมิตรแม้กับผู้ใช้ใหม่
-
ข้อควรระวัง:
- ออกแบบให้โฟกัส Bitcoin & Liquid เท่านั้น ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการรองรับ Altcoin หลากหลาย
-
UI ของ Green Wallet อาจต้องเรียนรู้บ้างในช่วงแรก เนื่องจากมีเมนูเฉพาะของตัวเอง
🔒 บทสรุป
ใน EP.3 นี้ เราได้เดินทางมาถึง “กลุ่มสุดท้าย” ของโลก Hardware Wallet แบรนด์สาย Hardcore ที่เน้นแนวคิด Sovereignty และ Self-Custody อย่างถึงแก่น โดยคุณจะเห็นว่า แต่ละแบรนด์มีแนวทางเฉพาะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน:
- บางแบรนด์อย่าง SeedSigner หรือ Specter DIY เปิดให้คุณ “สร้างกระเป๋าด้วยตัวเอง” อย่างแท้จริง
- บางแบรนด์อย่าง Coldcard หรือ Foundation โฟกัสที่ความปลอดภัยเชิงลึกผ่าน PSBT และ Air-gapped
- ขณะที่บางแบรนด์อย่าง Opendime หรือ Corazon ก็ฉีกกรอบเดิม สร้างรูปแบบการใช้งานใหม่ที่แตกต่าง
ไม่ได้มีแค่ “ปลอดภัย” หรือ “สวยงาม” แต่คือความเชื่อเรื่อง “การควบคุม”
✅ ถ้ายังเลือกไม่ได้ ลองถามตัวเอง 3 ข้อนี้
-
คุณให้ความสำคัญกับ “แนวคิดแบบ Sovereign” แค่ไหน?
-
ถ้าคุณเชื่อในหลัก Not your keys, not your coins → Coldcard, SeedSigner, Specter คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์
-
ถ้าคุณเชื่อในหลัก Not your keys, not your coins → Coldcard, SeedSigner, Specter คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์
-
คุณโอเคกับ “เทคโนโลยีแบบ Low-level” ไหม?
- ถ้าคุณถนัดเรื่องเทคนิค DIY → SeedSigner, Specter DIY
-
ถ้าคุณอยากได้อุปกรณ์ที่ยังใช้งานง่าย → Prokey, Foundation
-
คุณต้องการ “อุปกรณ์ที่เป็นเครื่องมือ” หรือ “แสดงจุดยืน”?
- ถ้าคุณต้องการความหรูหราพร้อมความปลอดภัย → Corazon
- ถ้าคุณต้องการใช้ Bitcoin เหมือนเงินสด → Opendime
ในโลกที่ทุกสิ่งถูกจัดการโดย Cloud, API และบุคคลที่สาม
Hardware Wallet กลุ่มนี้คือเสียงกระซิบเตือนว่า
“มีบางอย่างที่คุณควบคุมได้เอง… หากคุณกล้ารับผิดชอบมันจริง ๆ”
หาก EP.1 คือพื้นฐาน
EP.2 คือสนามทดลองของนวัตกรรมใหม่ ๆ
EP.3 นี้ก็คือ รากฐานของอิสรภาพ และทั้งหมดนี้อยู่ในมือคุณครับ
[ หากคุณสนใจ Hardware Wallet คุณสามารถเลือกซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เช่น Bitcast เพื่อรับประกันสินค้าของแท้ พร้อมการสนับสนุนหลังการขายที่เชื่อถือได้ และมีการรับประกัน 1 ปีเต็ม โดยสามารถคลิกเพื่อดูสินค้าและสั่งซื้อได้ที่นี่ครับ → Bitcast ]
🙏 ขอบคุณที่ติดตามซีรีส์ Master List: รู้จักแบรนด์ Hardware Wallet จากทั่วโลก ตั้งแต่ EP.1 จนถึง EP.3 นี้ เราได้เดินทางผ่านแบรนด์ยอดนิยม แบรนด์นวัตกรรมใหม่ ๆ และแบรนด์กลุ่ม Hardcore & Niche ที่เน้นการควบคุมขั้นสูงหรือตอบโจทย์เฉพาะด้าน
และใน EP.4 ซึ่งจะเป็น ตอนจบของซีรีส์นี้ เราจะขมวดทุกสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ สรุปแนวทางการเลือก Hardware Wallet แบบเข้าใจง่าย พร้อมคำแนะนำที่เหมาะกับ “สไตล์การถือครอง” ของแต่ละคน อย่าลืมกดติดตามเพจไว้ แล้วพบกันใน EP.4 ครับ