
หรือ Seed Phrase จะเป็นแค่เรื่องในอดีต? เรากำลังจะก้าวเข้าสู่โลกที่การลืม Seed Phrase ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ???
Share
ในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อน ๆ คงคุ้นเคยกับคำว่า "Seed Phrase" หรือที่หลายคนเรียกว่า Secret Recovery Phrase, Mnemonic Phrase หรือ Recovery Phrase มัน คือ ชุดคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ถูกสร้างขึ้นแบบสุ่ม จำนวน 12-24 คำ ทำหน้าที่เป็นกุญแจหลักที่ใช้ในการกู้คืนกระเป๋าเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ของเราทั้งหมด ซึ่ง Seed phrase นี้ คือ หัวใจสำคัญของแนวคิด "Self-Custody" หรือการดูแลสินทรัพย์ด้วยตัวเอง ดังคำที่ว่า “Not your key, Not your coins”
แต่ในทางกลับกัน หากทำ Seed Phrase หาย เราจะไม่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ของเราได้เลย และที่ยิ่งไปกว่านั้น คือ หากมีคนอื่นรู้ Seed Phrase ของเรา คนที่เข้าถึง Seed Phrase ของเราก็จะสามารถเข้าถึงและโอนสินทรัพย์ของเราออกไปได้ทั้งหมดทันที
จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้เริ่มต้นหลายคนมองว่าการจดจำและเก็บรักษา Seed Phrase นั้นเป็นเรื่องยุ่งยาก ซับซ้อน และกลายเป็น "อุปสรรค" ที่ขัดขวางการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยี Web3 ในวงกว้าง
ข้อจำกัดของ Seed Phrase
- Single Point of Failure
- ถ้า Seed Phrase ถูกขโมยหรือสูญหาย คุณจะสูญเสีย“สิทธิ์”ในการเข้าถึงสินทรัพย์ทั้งหมดทันที และไม่มีวิธีแก้ไขได้
- ความเสี่ยงจากความผิดพลาดของมนุษย์
- วิธีการเก็บรักษาที่ไม่ปลอดภัย เช่น ถ่ายรูปเก็บไว้ในมือถือ หรือไว้ในรูปแบบดิจิทัล
- มีโอกาสถูกหลอกจากมิจฉาชีพ เช่น การ Phishing หลอกให้เราบอก Seed Phrase
- ความเสี่ยงทางกายภาพ ถึงแม้เราเก็บเป็นกระดาษหรือแผ่นโลหะไว้อย่างดี แต่ก็ยังเสี่ยงต่อเหตุไม่คาดฝันได้ เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือการถูกขโมย
- การใช้งานไม่สะดวก
- เวลากู้คืนกระเป๋า หากพิมพ์ผิดหรือเรียงคำผิด ถึงแม้จะเล็กน้อย ก็ใช้ไม่ได้ทันที ทำให้ผู้ใช้ใหม่จำนวนมากไม่มั่นใจที่จะรับผิดชอบสินทรัพย์เอง
ด้วยข้อจำกัดดังกล่าว อาจทำให้ผู้ใช้งานบางส่วน รู้สึกไม่มั่นใจที่จะรับผิดชอบการดูแลสินทรัพย์ของตัวเองอย่างเต็มที่
ด้วยเหตุนี้ อุตสาหกรรมคริปโตจึงเริ่มพัฒนาแนวทางใหม่ ๆ ที่ ปลอดภัยและใช้ง่ายกว่า โดยไม่ต้องพึ่ง Seed Phrase เพื่อลดความยุ่งยากและเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน โดยมีแนวคิดที่น่าสนใจ ดังนี้
แนวทางใหม่ ๆ ในอนาคตที่กำลังมาแทน Seed Phrase
1. Multi-Party Computation (MPC)
เทคนิคการเข้ารหัสที่ แบ่ง Private Key ออกเป็นหลายส่วน (key shares) แล้วกระจายเก็บไว้แยกกัน เมื่อถึงเวลาทำธุรกรรม ก็นำส่วนของ Privare key ที่แยกกัต นำมาร่วมกันคำนวณลายเซ็นเพื่ออนุมัติธุรกรรม โดยที่ไม่มีใครได้เห็นกุญแจเต็มดอก
ข้อดี
- ไม่มี Single Point of Failure
- ไม่ต้องจำ Seed Phrase
- การขโมยต้องทำหลาย ๆ จุดพร้อมกัน
ข้อจำกัด
- เทคโนโลยีซับซ้อน อาจทำให้ธุรกรรมล่าช้าในบางกรณีได้
ตัวอย่าง : กระเป๋า ZenGo และ Fireblocks ที่ใช้ MPC แบ่งกุญแจไว้ระหว่างมือถือผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ขอบบริษัท หรือบริษัทอย่าง Coinbase และ Binance ก็เริ่มนำเทคโนโลยีนี้มาใช้แล้ว
2. Social Recovery
แนวคิดนี้ คือ การให้บุคคลหรือองค์กรที่คุณไว้วางใจเข้ามามีส่วนช่วยในการกู้คืนกระเป๋า เมื่อเราทำกุญแจหาย โดยสามารถตั้งให้เพื่อน, คนในครอบครัว หรือองค์กรที่เราใช้บริการเป็นผู้ช่วยกู้คืนกุญแจที่ทำหายไปได้
ข้อดี
- ใช้งานง่าย คล้ายการกู้คืนบัญชีทั่วไป
- กระจายความไว้ใจ ไม่ต้องพึ่ง Seed Phrase เพียงอย่างเดียว
ข้อจำกัด
- ต้องอาศัยความเชื่อใจจากบุคคลหรือองค์กรอื่น
ตัวอย่าง : กระเป๋า Argent อนุญาตให้เพิ่มผู้ช่วยเหลือผ่านแอปได้ หรือ Ledger revocery ที่เราคุ้นเคยกันครับ
3. Biometric Login
เป็นวิธีที่ทุก ๆ คน มีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี คือ การใช้ Face ID, ลายนิ้วมือ หรือมาตรฐานใหม่อย่าง Passkey แทน Seed Phrase โดยตรง
ข้อดี
- สะดวก รวดเร็ว และผู้ใช้มีความคุ้นเคยในการใช้งาน
- มีความปลอดภัยในระดับองค์กร
ข้อจำกัด
- หากข้อมูลชีวภาพรั่วไหล ไม่สามารถ “เปลี่ยน” ได้เหมือนรหัสผ่าน
- ยังต้องอาศัยความเชื่อใจในการเก็บรักษาข้อมูล
ตัวอย่าง: Coinbase Smart Wallet ใช้ Face ID / ลายนิ้วมือยืนยันธุรกรรม
สรุป
โลกคริปโตที่กำลังพัฒนาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แนวทางใหม่ ๆ ที่พยายามแก้ไข pain point สำคัญของ Seed Phrase ในเรื่องการทำ Seed Phrase หาย จากปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ให้กลับกลายเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ เช่น MPC ที่แบ่งกันถือกุญแจ ไม่มีใครได้ถือกุญแจเต็มดอก, Social Recovery ที่ฝากความไว้ใจกับคนรอบตัวหรือชุมชน, Biometric Login ที่ใช้ง่ายเหมือนปลดล็อกมือถือ และจะมีแนวทางใหม่ ๆ อีกในอนาคตที่จะตามมา
ในอนาคตกระเป๋าคริปโตอาจใช้ง่ายพอ ๆ กับแอปธนาคาร เพื่อลดอุปสรรคในการเข้าถึงและการใช้งานของผู้ใช้งานในวงกว้าง
สุดท้าย ไม่ว่าระบบจะพัฒนาไปทิศทางไหน ความรู้ที่ถูกต้อง ยังคงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด เพราะต่อให้มีกลไกช่วยมากแค่ไหน หากเราไม่เข้าใจวิธีการเก็บรักษา ก็อาจกลายเป็นความเสี่ยงได้เสมอ
แล้วเพื่อน ๆ ล่ะ คิดว่าอนาคตแบบไหนน่าสนใจกว่ากัน เก็บ Seed Phrase ไว้เอง หรือพึ่งเทคโนโลยีใหม่ที่มาพร้อมความสะดวก? โดยส่วนตัวแอดก็ยังเชื่อในหลัก Self custody อย่างสุดใจเช่นเคยครับ สินทรัพย์เรา เราต้องเป็นคนรับผิดชอบเอง
ถ้ามีข้อมูลผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ เพื่อน ๆ สามารถแนะนำ แก้ไขกันมาได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ // แอดที🟠