
ไขข้อสงสัยทำไมการโอน Bitcoin สามารถโอนได้หลาย Chain ? แล้วความแตกต่างกันคืออะไร ?
Share
เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาจะโอน Bitcoin (BTC) บนเว็บเทรดถึงมีตัวเลือกเครือข่าย (Network) ให้เลือกมากมาย ทั้ง BTC, ERC-20, BEP-20 หรือ TRC-20? และแต่ละเครือข่ายเองก็มีค่าธรรมเนียม เวลาในการโอนไม่เท่ากัน บางคนอาจคิดว่า Bitcoin ควรมีแค่บนเครือข่ายของตัวเองเท่านั้น บางคนอาจคิดว่าจะโอนผ่านเครือข่ายไหนก็เหมือนกัน แต่ความจริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้นครับ
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้ เพื่อให้คุณเลือกใช้เครือข่ายได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
สิ่งแรกที่เพื่อน ๆ ต้องรู้ก่อน คือ
ความแตกต่างระหว่าง Coin และ Token เราต้องเข้าใจพื้นฐานส่วนนี้กันก่อนครับ
Coin : คือ สกุลเงินดิจิทัลที่มี "เครือข่ายบล็อกเชนเป็นของตัวเอง" และใช้เหรียญนั้นเป็นค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนเครือข่าย เช่น
- BTC : เป็น Coin ของเครือข่าย Bitcoin
- ETH : เป็น Coin ของเครือข่าย Ethereum
- BNB : เป็น Coin ของเครือข่าย BNB Smart Chain
Token : คือเหรียญดิจิทัลที่ "ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชนอื่น" โดยใช้มาตรฐานของเครือข่ายนั้นๆ เช่น
- WBTC : คือ Token ที่สร้างบนเครือข่าย Ethereum (ใช้มาตรฐาน ERC-20) โดยมี Bitcoin หนุนหลัง
- BTCB: คือ Token ที่สร้างบนเครือข่าย BNB Smart Chain (ใช้มาตรฐาน BEP-20) โดยมี Bitcoin หนุนหลัง
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ Coin คือ "ทองคำแท่ง" ที่มีคุณค่าในตัวเอง ส่วน Token คือ "ตั๋วแลกทองคำ" ที่ใช้แลกทองคำแท่งได้นั่นเองครับ
Bitcoin บน Bitcoin Chain กับ Bitcoin บน Chain อื่นๆ ต่างกันอย่างไร ?
- Bitcoin (BTC) บน Bitcoin Mainnet คือ "Bitcoin จริงๆ" ที่เป็น “Coin” ของตัวเอง มีคุณสมบัติตามที่เราเข้าใจกันทุกประการ
- Bitcoin (BTC) บน Chain อื่น คือ "Token แทน Bitcoin" ที่ถูกสร้างขึ้นบนเครือข่ายอื่น โดยใช้กลไกที่เรียกว่า "Tokenization" หรือ "Bridge" เพื่อให้ Bitcoin สามารถใช้งานบนเครือข่ายอื่นได้
ทำไมถึงต้องสร้าง Token แทน Bitcoin ?
เพราะการโอน Bitcoin บนเครือข่ายของตัวเองนั้นมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น อาจใช้เวลานานและมีค่าธรรมเนียมสูง อาจทำให้การทำบางอย่างไม่บรรลุวัตถุประสงค์ได้ เช่น การเก็งกำไรระยะสั้น การสร้าง Token แทน Bitcoin บนเครือข่ายอื่นๆ จึงถูกสร้างมาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น
- ความเร็ว : โอนได้เร็วขึ้น
- ค่าธรรมเนียม : ค่าธรรมเนียมถูกลง
- การใช้งาน : สามารถนำไปใช้ในโลก DeFi (Decentralized Finance) หรือแอปพลิเคชันอื่นๆ บนเครือข่ายนั้นๆ ได้
แต่สิ่งสำคัญที่ต้องจำคือ Bitcoin เหล่านี้เป็นเพียง "ตั๋วแลก Bitcoin" เท่านั้น ไม่ใช่ Bitcoin จริงๆ ที่อยู่บนเครือข่ายหลักครับ เรายังจำเป็นต้องเชื่อใจตัวกลาง หรือผู้ให้บริการที่เราใช้อยู่ครับ
ข้อควรรู้และข้อควรระวังในการโอน BTC
- เลือกเครือข่ายให้ถูกต้องก่อนเสมอ : การโอนเหรียญต้องใช้ที่อยู่ (Address) และเครือข่ายที่ตรงกัน ถ้าคุณโอน BTC บนเครือข่าย Bitcoin ไปยังที่อยู่ของเครือข่ายอื่นที่ไม่รองรับ อาจทำให้เหรียญหายไปตลอดกาลได้
- ความเร็วและค่าธรรมเนียม : เครือข่ายที่ค่าธรรมเนียมถูกมักจะไม่ได้หมายความว่าดีที่สุดเสมอไป คุณต้องพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของเครือข่ายนั้นๆ ด้วย
- ความเสี่ยงจากตัวกลาง : การแปลง BTC ให้เป็น Token บนเครือข่ายอื่นจำเป็นต้องมี "ตัวกลาง" เช่น WBTC จะมีตัวกลางที่ทำหน้าที่เก็บ Bitcoin จริงไว้เป็นทุนสำรองและออก Token ให้กับคุณ ฉะนั้นคุณต้องเชื่อมั่นว่าตัวกลางนั้นๆ จะไม่โกงหรือถูกแฮก
สรุป : Key Takeaway เลือกให้ถูกตามวัตถุประสงค์
สิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้ว่า "คุณต้องการโอนเหรียญไปเพื่ออะไร?
- ถ้าคุณต้องการ เทรดบนเว็บเทรด เก็งกำไรระยะสั้น หรือใช้งานอื่น ๆ เช่น DeFi คุณอาจเลือกเครือข่ายที่โอนเร็วและค่าธรรมเนียมถูกหรือถือเป็น Token ได้
- แต่ถ้าคุณต้องการ เก็บ Bitcoin เพื่อการลงทุนระยะยาว (HODL) การเก็บไว้บนเครือข่าย Bitcoin Mainnet ของตัวเองคือตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด
การทำความเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างถูกต้องปลอดภัยมากขึ้นครับ และสำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังหาที่เก็บ Bitcoin ที่ดี และปลอดภัยเข้ามาดูได้ที่ Bitcast เลยนะครับ 👉🏻 thaibitcast.com
// แอดที🟠