ส่วนที่ 1: การตั้งค่าพื้นฐาน (Basic Settings)
การปรับแต่ง (Customization) ภาษาและสกุลเงิน (Localization)
คำอธิบาย
เมนูการปรับแต่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับการตั้งค่า Trezor Suite เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น
Localization
การตั้งค่า (⚙️) > แอปพลิเคชัน
ตัวเลือกที่มี
-
ภาษา:
- การแปลอย่างเป็นทางการ: อังกฤษ, สเปน, เยอรมัน, ฝรั่งเศส
- การแปลโดยชุมชน: เช็ก, ฮังการี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, รัสเซีย
- สกุลเงินเฟียต: เลือกสกุลเงินท้องถิ่นหรือสกุลเงินที่ต้องการ
- หน่วยบิทคอยน์: เลือกระหว่าง BTC หรือ sats
วิธีการตั้งค่า
เลือกตัวเลือกที่ต้องการจากเมนูแบบเลื่อนลง
Labeling
คำอธิบาย
การติดป้ายกำกับ(Labeling) ช่วยให้คุณจัดการกระเป๋าเงิน บัญชี ได้ดีขึ้น สามารถติดตามพอร์ตโฟลิโอ แยกธุรกรรมตามผู้ส่ง หรือจดบันทึกเกี่ยวกับธุรกรรม
การเปิดใช้งาน
- ไปที่ การตั้งค่า (⚙️) > แอปพลิเคชัน
- คลิกที่สวิตช์เพื่อเปิด/ปิดการติดป้ายกำกับ
หมายเหตุ
- เมื่อปิดการติดป้ายกำกับ: บัญชีจะใช้ชื่อตามค่าเริ่มต้นของ Trezor Suite
- เมื่อเปิดการติดป้ายกำกับ: คุณสามารถกำหนดชื่อเองได้
การบันทึกป้ายกำกับ
คุณสามารถเลือกวิธีจัดเก็บป้ายกำกับได้:
- บัญชี Dropbox
- บัญชี Google Drive
- เก็บในเครื่อง: หมายเหตุ - หากเลือกวิธีนี้ คุณจะไม่สามารถเข้าถึงป้ายกำกับบนอุปกรณ์อื่นได้
ความปลอดภัย (Security)
ข้อมูลทั้งหมดที่คุณเพิ่มจะถูกเข้ารหัสโดยอัตโนมัติด้วยคีย์ที่ได้มาจากอุปกรณ์ Trezor ของคุณ
ส่วนที่ 2: ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย (Privacy and Security)
Tor (Tor Network)
คำอธิบาย
สวิตช์ Tor เป็นฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวที่ช่วยปกป้องตัวตนของคุณโดยทำให้ยากที่จะติดตามการเชื่อมต่อของคุณไปยังประเทศ สถานที่ หรือที่อยู่ IP ใดๆ
ความพร้อมใช้งาน
มีให้ใช้เฉพาะในแอปเดสก์ท็อป Trezor Suite
การเปิดใช้งาน
- คลิกที่ไอคอน Tor ที่ด้านขวาของแถบเครื่องมือด้านบน
- รอสักครู่เพื่อให้การเชื่อมต่อถูกสร้างขึ้น
- เมื่อเชื่อมต่อแล้ว เครื่องหมายถูกสีเขียวจะปรากฏบนไอคอน
ข้อควรทราบ
- การเชื่อมต่อผ่าน Tor อาจทำให้เกิดความล่าช้าเพิ่มขึ้นเนื่องจากเส้นทางการเชื่อมต่อที่ไกลขึ้นและผ่านโหนดหลายโหนด
- คุณสามารถปรับการตั้งค่า Tor เพื่อเชื่อมต่อกับอินสแตนซ์ Tor เฉพาะได้
- คุณสามารถเลือกเปิดลิงก์ trezor.io เป็นลิงก์ .onion เพื่อความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติม
ส่วนที่ 3: การตั้งค่าแอปพลิเคชัน (Application Settings)
แอปพลิเคชัน (Application)
ตำแหน่ง
การตั้งค่า (⚙️) > แอปพลิเคชัน > หมวดหมู่แอปพลิเคชัน
ตัวเลือกที่มี
- ชุดสี: เลือกระหว่างโหมดสว่างและโหมดมืด
- ข้อมูลการใช้งาน: เลือกว่าจะส่งข้อมูลผู้ใช้แบบไม่ระบุตัวตนเพื่อช่วยปรับปรุงผลิตภัณฑ์ Trezor หรือไม่
- บันทึกแอปพลิเคชัน: ดาวน์โหลดบันทึกสำหรับการแก้ไขปัญหา
- พื้นที่จัดเก็บแอป: รีเซ็ตแอปเพื่อคืนค่าเป็นการตั้งค่าเริ่มต้น
- เวอร์ชัน Suite: ตรวจสอบเวอร์ชันปัจจุบันและการอัปเดตที่มี
ฟีเจอร์ทดลอง (Experimental Features)
ตำแหน่ง
การตั้งค่า (⚙️) > แอปพลิเคชัน > หมวดหมู่ฟีเจอร์ทดลอง
โปรแกรม Early Access
- คำอธิบาย: เข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ก่อนการเผยแพร่อย่างเป็นทางการ 1 สัปดาห์
- ความพร้อมใช้งาน: แอปเดสก์ท็อปเท่านั้น
วิธีเข้าร่วม
- คลิกที่ไอคอนเฟือง (⚙️) ใน Trezor Suite
- ในหน้าการตั้งค่าแอปพลิเคชัน เลื่อนลงไปที่ส่วนฟีเจอร์ทดลอง
- คลิกที่ 'เข้าร่วม'
- ทำเครื่องหมายที่ช่อง 'ฉันเข้าใจ' แล้วคลิก 'เข้าร่วมโปรแกรม'
- รอการยืนยันว่าได้เปิดใช้งานแล้ว
สัญลักษณ์
เมื่อเปิดใช้งาน ไอคอนรูปดาวจะปรากฏที่มุมขวาบนของ Trezor Suite
แสดงค่า BTC เป็นหน่วย sats (Express BTC values in sats)
คำอธิบาย
คุณสามารถเลือกแสดงยอดคงเหลือบิทคอยน์และมูลค่าธุรกรรมใน BTC หรือ Satoshis (sat) ได้ (ตัวอย่าง: 0.1 BTC = 10,000,000 sat)
วิธีเปลี่ยน
วิธีที่ 1 - จากแดชบอร์ด:
- คลิกที่ 'ยอดคงเหลือ' ในตารางภาพรวมสินทรัพย์
วิธีที่ 2 - จากการตั้งค่า:
- ไปที่ การตั้งค่า (⚙️) > แอปพลิเคชัน
- ในส่วนการปรับแต่งภาษาและสกุลเงิน ใช้เมนูแบบเลื่อนลงสำหรับ 'หน่วยบิทคอยน์'
- เลือกระหว่าง Bitcoin และ Satoshis
การสำรองข้อมูลกระเป๋าเงิน (Wallet Backup)
ตำแหน่ง
การตั้งค่า (⚙️) > อุปกรณ์ > ส่วนบนของหน้า
ตัวเลือกที่มี
-
สำรองข้อมูล:
- หากสำรองข้อมูลแล้ว: จะเห็นปุ่ม 'การสำรองข้อมูลสำเร็จ' เป็นสีเทา
- หากยังไม่ได้สำรองข้อมูล: คลิกที่ 'สร้างการสำรองข้อมูล' และตั้งค่าโดยเร็วที่สุด
- ตรวจสอบการสำรองข้อมูล: ยืนยันความถูกต้องของคำศัพท์กู้คืนโดยทำการกู้คืนจำลอง
ความสำคัญ
การสำรองข้อมูลกระเป๋าเงิน (คำศัพท์กู้คืน) เป็นสิ่งสำคัญมากที่ควรตั้งค่าโดยเร็วที่สุด
ส่วนที่ 4: การจัดการอุปกรณ์ (Device Management)
เฟิร์มแวร์ (Firmware)
ตำแหน่ง
การตั้งค่า (⚙️) > อุปกรณ์ > ส่วนเฟิร์มแวร์
รายละเอียด
-
เวอร์ชัน:
- หากใช้เฟิร์มแวร์ล่าสุด: ปุ่มจะแสดง “Up to date”
- หากมีการอัปเดตใหม่: คลิกที่ 'มีการอัปเดต' และทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ
-
ประเภท:
- Universal: รองรับสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดที่มีให้ใช้บน Trezor
- บิทคอยน์เท่านั้น: แสดงเฉพาะบัญชีและยอดคงเหลือบิทคอยน์
การเปลี่ยนประเภทเฟิร์มแวร์
- จาก Universal เป็นบิทคอยน์เท่านั้น: คลิก 'เปลี่ยนเป็นบิทคอยน์เท่านั้น'
- จากบิทคอยน์เท่านั้นเป็น Universal: คลิก 'เปลี่ยนเป็น Universal'
- สลับการใช้งานไปมาระหว่าง multi-coin และ Bitcoin-only ได้
ความปลอดภัย(Security)
ตำแหน่ง
การตั้งค่า (⚙️) > อุปกรณ์ > ส่วนความปลอดภัย
ตัวเลือกที่มี
- PIN: เปิด/ปิดการป้องกันด้วย PIN
- เปลี่ยน PIN: เปลี่ยน PIN ปัจจุบันของคุณ
- รหัสผ่าน: เปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น สามารถปิดได้ด้วยสวิตช์
- การตรวจสอบความปลอดภัย: ควบคุมการอนุญาตการกระทำที่อาจไม่ปลอดภัย (ไม่แนะนำให้ปิด)
- การตรวจสอบอุปกรณ์: ตรวจสอบว่าใช้ของแท้หรือไม่
การปรับแต่ง(Customization)
ตำแหน่ง
การตั้งค่า (⚙️) > อุปกรณ์ > ส่วนการปรับแต่ง
ตัวเลือกที่มี
- ชื่ออุปกรณ์: แก้ไขชื่อกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ Trezor ของคุณ
-
หน้าจอหลัก:
- อัปโหลดรูปภาพของคุณเอง
- เลือกจากแกลเลอรีมาตรฐาน
- การหมุนหน้าจอ: สำหรับ Model T, Trezor Safe 5 เท่านั้น
- เวลาล็อคอัตโนมัติ: กำหนดระยะเวลาก่อนอุปกรณ์จะล็อคโดยอัตโนมัติ
พื้นที่อันตราย (Danger Area)
คำเตือน
⚠️ ระวัง! การดำเนินการเหล่านี้อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของเงินดิจิทัลของคุณ
ตำแหน่ง
การตั้งค่า (⚙️) > อุปกรณ์ > ส่วนพื้นที่อันตราย
ตัวเลือกที่มี
- รีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน: ลบข้อมูลทั้งหมดจากอุปกรณ์ Trezor
- Wipe code: สร้างรหัส "self-destruct" ที่จะลบข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดทันทีเมื่อป้อน
- ติดตั้งเฟิร์มแวร์ที่กำหนดเอง: ติดตั้งเฟิร์มแวร์ที่ไม่ใช่เวอร์ชันทางการหรือดาวน์เกรดเฟิร์มแวร์
ส่วนที่ 5: การจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Management)
เปิดใช้งานเหรียญใหม่ (Activate New Coins)
วิธีที่ 1 - จากแดชบอร์ด
- คลิกปุ่ม '+เปิดใช้งานเหรียญเพิ่มเติม' ในส่วนภาพรวมสินทรัพย์
- คลิกที่สกุลเงินดิจิทัลที่ต้องการเพื่อเปิด/ปิดใช้งาน
- เครื่องหมายถูกสีเขียวแสดงว่าสกุลเงินนั้นเปิดใช้งานแล้ว
วิธีที่ 2 - จากเมนูบัญชี
- ไปที่หน้าบัญชี และคลิกที่ไอคอนบวก (➕) ในแถบเมนูด้านข้าง
- เลือก 'เปิดใช้งานเหรียญเพิ่มเติม'
- เลือกสกุลเงินที่ต้องการและคลิกปุ่ม 'ค้นหาบัญชีของฉัน'
การเข้าถึงการตั้งค่าเหรียญโดยตรง
คลิกที่ การตั้งค่า (⚙️) > เหรียญ
เพิ่มบัญชีใหม่ (Add New Account)
คำอธิบาย
บัญชีจะถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติสำหรับแต่ละสกุลเงินที่เปิดใช้งานระหว่างการตั้งค่าอุปกรณ์ คุณสามารถสร้างบัญชีเพิ่มเติมเพื่อแยกเงินหรือจัดการในบัญชีเดียวโดยใช้หลายที่อยู่
วิธีสร้างบัญชีใหม่
- คลิกที่ไอคอนบวก (+) ที่ด้านบนของแถบเมนูด้านข้าง 'บัญชีของฉัน'
- เลือกประเภทของบัญชีจากเมนูแบบเลื่อนลง
ข้อควรทราบ
บัญชีใหม่สามารถเป็นประเภทเดียวกับบัญชีที่มีอยู่ได้ตราบใดที่บัญชีก่อนหน้าได้ถูกใช้งานแล้ว (คุณไม่สามารถสร้างบัญชีว่างหลายบัญชีของประเภทเดียวกันได้)
โหมดปกปิด (Discreet Mode)
คำอธิบาย
โหมดปกปิดช่วยให้คุณซ่อนยอดคงเหลือบัญชีและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ โดยเปิดเผยเฉพาะเมื่อเลื่อนเมาส์ไปชี้
การเปิด/ปิดใช้งาน
คลิกที่ปุ่มรูปตาที่มุมขวาบนของอินเทอร์เฟซ Trezor Suite
ค้นหาบัญชี (Search for Account)
คำอธิบาย
ฟีเจอร์ค้นหาช่วยให้คุณค้นหาบัญชีที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อมีการติดป้ายกำกับที่กำหนดเอง
วิธีค้นหา
พิมพ์ชื่อที่ต้องการในช่อง 'ค้นหา' ที่ด้านบนของเมนูด้านข้าง 'บัญชีของฉัน'
ผลลัพธ์
ผลการค้นหาจะถูกกรองและแสดงโดยอัตโนมัติในเมนูด้านข้าง
แสดงคีย์สาธารณะ (Show Public Key)
ตำแหน่ง
แท็บรายละเอียดบัญชี > 'แสดงคีย์สาธารณะ'
คำอธิบาย
คีย์สาธารณะแบบขยาย (XPUB) เป็นคีย์ที่ไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละบัญชี ทำให้สามารถเห็นธุรกรรมที่เข้าและออกจากบัญชีของบิทคอยน์
การใช้งาน
XPUB ใช้เพื่อสร้างกระเป๋าเงินแบบ 'ดูเท่านั้น' ที่เชื่อมโยงที่อยู่ทั้งหมดที่ใช้โดยบัญชีที่เลือก
คำเตือนความเป็นส่วนตัว
แม้ว่าคุณสามารถแบ่งปัน XPUB ในบางสถานการณ์ เราแนะนำให้เก็บเป็นความลับเนื่องจากผู้อื่นสามารถใช้เพื่อดูยอดคงเหลือและกิจกรรมของคุณได้
การทำ staking Cardano (ADA) (Cardano Staking)
คำอธิบาย
Staking เป็นกระบวนการที่ใช้ในการตรวจสอบธุรกรรมบนบล็อกเชนที่ใช้โปรโตคอล "Proof of Stake" เช่น Cardano
ประโยชน์
- ได้รับรางวัลในรูปแบบของรายได้แบบ passive
- สนับสนุนเครือข่าย Cardano
- มีส่วนช่วยในความเสถียรของเครือข่าย
อุปกรณ์ที่รองรับ
- Trezor Model T
- Trezor Safe 3
- Trezor Safe 5
วิธีทำ staking ADA
- ใน Trezor Suite ไปที่หน้าบัญชี > เลือกกระเป๋าเงิน Cardano
- คลิกแท็บ Staking
- กดปุ่ม Delegate
- ยืนยันคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อลงทะเบียนคีย์ stake
- ตรวจสอบรายละเอียดและยืนยันธุรกรรม
การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น (Troubleshooting)
หากคุณพบปัญหาในการใช้งาน Trezor Suite กับอุปกรณ์ของคุณ โปรดลองวิธีแก้ไขต่อไปนี้:
-
อุปกรณ์ไม่เชื่อมต่อกับ Suite
- ตรวจสอบว่าใช้สาย USB ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์
- ลองเปลี่ยนพอร์ต USB
- รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ของคุณ
-
แอปพลิเคชันค้าง
- ปิดและเปิด Trezor Suite ใหม่
- เข้าไปที่ การตั้งค่า > แอปพลิเคชัน > รีเซ็ตแอป