ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น การที่ Amazon ถือครองเงินสดมหาศาลถึง 87 พันล้านดอลลาร์ กลายเป็นดาบสองคมที่น่าจับตา ในขณะที่เงินสดให้ความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ แต่มูลค่าที่แท้จริงกลับถูกกัดกร่อนทุกวัน
คำถามสำคัญคือ: Bitcoin จะเป็นทางออกที่ชาญฉลาดสำหรับยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซรายนี้หรือไม่?
ข้อเสนอที่น่าสนใจแต่ท้าทาย
The National Center for Public Policy Research (NCPPR) นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจ: การนำ Bitcoin มาเป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์ โดยชี้ให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงอาจสูงกว่าตัวเลข CPI ที่ 4.95% ถึงสองเท่า
ในมุมมองของผู้เขียน แม้ว่าข้อเสนอนี้จะมีเหตุผลที่น่าฟัง แต่การที่ Microsoft ปฏิเสธข้อเสนอนี้ไปก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงความระมัดระวังของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำต่อความผันผวนของ Bitcoin ซึ่งเป็นความกังวลที่มีเหตุผล
Amazon: โอกาสทองหรือความเสี่ยงเกินไป?
ที่น่าสนใจคือ Amazon อาจเป็นตัวแปรที่แตกต่าง Nick Cowan ซีอีโอของ Valereum มองว่า Amazon มีโอกาสที่จะตัดสินใจแตกต่างจาก Microsoft ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่กล้าเสี่ยงมากกว่า
ผู้เขียนมองว่าการที่ NCPPR เสนอให้ Amazon ถือครอง Bitcoin 5% ของสินทรัพย์นั้น แม้จะดูเป็นตัวเลขที่สูง แต่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจสำหรับการทดลอง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากความสำเร็จของ Tesla และ MicroStrategy
บทเรียนล้ำค่าจากผู้บุกเบิก
ความสำเร็จของ Tesla และ MicroStrategy ในการลงทุน Bitcoin เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ Tesla ที่ยังคงถือ Bitcoin 9,720 BTC มูลค่ากว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นว่าแม้จะขายบางส่วนออกไป การถือครองระยะยาวก็ยังให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ
ยิ่งไปกว่านั้น กรณีของ MicroStrategy ที่เห็นราคาหุ้นพุ่งจาก 14 ดอลลาร์เป็น 411 ดอลลาร์ เป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของการใช้ Bitcoin เป็นกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ แม้ว่าจะเป็นการใช้เลเวอเรจสูง
ความท้าทายที่ Amazon ต้องชั่งใจ
อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบ Amazon กับบริษัทเหล่านี้โดยตรงอาจไม่ยุติธรรมนัก ด้วยมูลค่าตลาดมหาศาล 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ ผลกระทบของการลงทุนใน Bitcoin จะแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ
ในมุมมองของผู้เขียน Amazon อาจไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตัดสินใจ เพราะธุรกิจหลักยังแข็งแกร่ง การจัดสรรเงินไปลงทุนใน Bitcoin อาจมีต้นทุนค่าเสียโอกาสสูงเกินไป โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการลงทุนในเทคโนโลยีอนาคตอย่าง AWS, AI หรือโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์
ESG: อุปสรรคสำคัญที่มองข้ามไม่ได้
ด้าน ESG ของ Amazon ในยุคที่นักลงทุนให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้นเรื่อยๆ การที่ Amazon ประกาศเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2040 แล้วหันมาลงทุนใน Bitcoin ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้พลังงาน อาจส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของบริษัทในระยะยาว
Environmental, Social, and Governance(ESG) เป็นเกณฑ์สำหรับประเมินความยั่งยืนและผลกระทบทางสังคมของการลงทุนหรือการดำเนินธุรกิจประเด็นที่น่ากังวลอีกประการคือผลกระทบต่อภาพลักษณ์
การพิจารณาของคณะกรรมการ Amazon: ความท้าทายในการตัดสินใจ
การตัดสินใจลงทุนใน Bitcoin เป็นเรื่องที่คณะกรรมการ Amazon ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งในแง่ความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบในประเทศต่างๆ และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ แม้ว่าข้อเสนอจะระบุสัดส่วนการลงทุนที่ 5% แต่คณะกรรมการอาจต้องพิจารณาเริ่มต้นในสัดส่วนที่ต่ำกว่า เพื่อทดสอบตลาดและสร้างความมั่นใจให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย โดยต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อกับความสามารถในการลงทุนพัฒนาธุรกิจหลัก
มุมมองต่ออนาคต
การที่ Amazon จะตัดสินใจลงทุนใน Bitcoin หรือไม่นั้น อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการเทคโนโลยีและการเงินดิจิทัล เนื่องจาก Amazon ไม่ใช่แค่บริษัทอีคอมเมิร์ซธรรมดา แต่เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่มีอิทธิพลต่อทิศทางอุตสาหกรรม
หากมองในแง่ของการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ Bitcoin อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อดูจากความสำเร็จของ Tesla และ MicroStrategy แต่ด้วยขนาดและความซับซ้อนของธุรกิจ Amazon จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ อย่างรอบด้าน ทั้งด้าน ESG ความพร้อมด้านเทคโนโลยี และผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร
ทางออกที่น่าจะเป็นไปได้คือการเริ่มต้นในสัดส่วนที่ต่ำกว่า 5% ตามที่ NCPPR เสนอ พร้อมกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม วิธีนี้จะช่วยให้ Amazon สามารถทดสอบประสิทธิภาพของ Bitcoin ในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง โดยไม่กระทบต่อความสามารถในการลงทุนพัฒนาธุรกิจหลัก
ไม่ว่าผลการตัดสินใจในเดือนพฤษภาคม ปี 2025 นี้จะออกมาอย่างไร การถกเถียงเรื่องนี้ได้จุดประกายให้วงการเทคโนโลยีต้องหันมาทบทวนกลยุทธ์การบริหารสินทรัพย์ในยุคที่เงินเฟ้อคุกคาม และ Bitcoin อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการการเงินและเทคโนโลยี
ที่มา:
