Bitcoin Beginner Series EP4. 5ความเชื่อ

5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ Bitcoin ที่หลายคนเข้าใจผิดกันอยู่

 

“Bitcoin คือแชร์ลูกโซ่” 

“Bitcoin ไร้ค่า จับต้องไม่ได้”

“Bitcoin มีแค่ลูกสมุนอาขญากรใช้กันเท่านั้นแหละ”

เพื่อน ๆ หลายคนต้องเคยได้ยินความเชื่อที่ผิดเหล่านี้กันมาบ้างไม่มากก็น้อย และบางครั้งก็อาจทำให้เราเกิดความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับ Bitcoin ได้ วันนี้เราจะมาคลายข้อสงสัย และพาไปทำความเข้าใจ 5 ความเชื่อผิดที่ผิดที่พบได้บ่อย ๆ กันครับ

 

1. Bitcoin ถูกสร้างมาเพื่อกิจกรรมผิดกฎหมาย

หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบได้บ่อยที่สุดคือ “Bitcoin มีไว้ฟอกเงินหรือใช้ใน Dark Web” 

แม้ว่าจะมีคนใช้ Bitcoin ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายจริง แต่ไม่ได้หมายความว่า Bitcoin ถูกสร้างมาเพื่อสิ่งนั้น แต่แท้จริงแล้ว Bitcoin เป็นเพียง “เงิน” ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีคุณสมบัติของเงินที่ดีครบถ้วน ได้แก่

• Store of Value (รักษามูลค่า)
• Medium of Exchange (ใช้แลกเปลี่ยนได้)
• Unit of Account (ใช้เป็นหน่วยวัดมูลค่า)

“เงิน” ทุกประเภทสามารถถูกใช้ในทางที่ดีหรือทางที่ไม่ดีได้ เช่น เงินสด, ทองคำ, หรือแม้แต่อสังหาริมทรัพย์ก็เคยถูกใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายมาแล้ว แต่เราไม่เคยบอกว่า เงินสดเกิดมาเพื่อฟอกเงิน หรืออสังหาริมทรัพย์มีเอาไว้เพื่อฟอกเงินจริงไหม? 

ในความเป็นจริง หน่วยงานระดับโลกเช่น FBI และ Interpol กลับมองว่า Bitcoin นั้น “ตามรอยได้ง่ายกว่าธุรกรรมเงินสด” เพราะทุกธุรกรรมถูกบันทึกไว้บน Blockchain ซึ่งเป็นระบบบัญชีแบบโปร่งใสและตรวจสอบได้

ดังนั้นจึงไม่สามารถสรุปได้ว่า Bitcoin ถูกสร้างมาเพื่อทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ในเมื่อความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็น“เงิน” หรือ“สินทรัพย์” อะไรก็ตาม ก็สามารถนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องได้ สิ่งที่สำคัญคือเจตนาและการใช้งานของผู้ใช้ ไม่ใช่ตัวสินทรัพย์นั้นเอง 

 

2. Bitcoin คือแชร์ลูกโซ่ / หลอกลวง

หลายคนสงสัยว่า “Bitcoin คือแชร์ลูกโซ่จริงหรือเปล่า?” ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า แชร์ลูกโซ่ (Ponzi Scheme) คืออะไร

แชร์ลูกโซ่ คือ กลโกงที่หลอกให้ประชาชนลงทุน โดยกล่าวอ้างว่าจะได้รับกำไรจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว มักจะจ่ายเงินให้จริงในระยะแรกเพื่อให้หลงเชื่อ ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้ประกอบธุรกิจหรือลงทุนอะไรเลย “เป็นเพียงแค่นำเงินของผู้ที่ลงทุนทีหลังมาจ่ายให้กับผู้ที่ลงทุนก่อนเท่านั้น” เป็นระบบที่ต้องอาศัยเงินของคนใหม่มาจ่ายให้คนเก่าและสุดท้ายก็ล่มสลาย 

แต่ Bitcoin ไม่ได้มีโครงสร้างแบบนั้น

• Bitcoin ไม่มีเจ้าของ ไม่มีบริษัท ไม่มีองค์กรใดควบคุม
• ไม่สัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนที่แน่นอน 
• คุณซื้อ Bitcoin ได้จากตลาดเสรี และมูลค่าของมันขึ้นอยู่กับความต้องการซื้อและความต้องการขายของคนในตลาด

แชร์ลูกโซ่มีมาก่อนที่ Bitcoin กำเนิดเสียอีก คนที่นำ Bitcoin ไปใช้ในแชร์ลูกโซ่ คือ “ผู้หลอกลวง” ไม่ใช่ Bitcoin เอง เช่นเดียวกับที่แชร์ลูกโซ่บางแห่งใช้เงินสด หรือทองคำในการหลอกลวง เช่น แชร์แม่ชม้อย เป็นต้น

 

3. Bitcoin ไม่มีมูลค่า เพราะจับต้องไม่ได้

บางคนเชื่อว่า “Bitcoin ไม่มีมูลค่า เพราะมันเป็นแค่โค้ดดิจิทัลหรือจับต้องไม่ได้”

หากลองพิจารณาดูดี ๆ เราจะพบว่า หลายสิ่งรอบตัวเราที่ดูเหมือนจะ “มีค่า” เช่น เงินกระดาษ ทองคำ หรือแม้แต่หุ้น ก็ไม่ได้มีมูลค่าในตัวมันเอง แต่มูลค่ามาจาก ความเชื่อและการยอมรับร่วมกันของคนในสังคม ซึ่งเรียกว่า Subjective Value (มูลค่าที่ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของผู้คน)

ทองคำมีค่าขึ้นมาได้ เพราะ มีความหายาก, มีความทนทานและเป็นที่ต้องการของคนในสังคม 

Bitcoin เองก็มีคุณสมบัตินี้เช่นกัน

• ความหายาก – มีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ, ต้องใช้กำลังไฟฟ้าที่สูงในการขุด 
• ความคงทน – ไม่สามารถถูกทำลายได้เหมือนเงินสดทั้งทางกายภาพและระบบ
• เป็นที่ต้องการ – คนทั่วโลกเริ่มเข้าใจ Bitcoin มากขึ้น จึงทำให้เป็นที่ต้องการมากขึ้น

“ทองคำคือเงินของพระเจ้า แต่ Bitcoin คือเงินของประชาชน” เพราะมันเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและเป็นเจ้าของได้อย่างเสรี ทุกคนสามารถเข้าถึง Bitcoin ได้

ดังนั้น หากสิ่ง ๆ หนึ่ง มีความต้องการจากตลาด มีการให้ความยอมรับ มีความสามารถในแก้ไขปัญหาบางอย่างให้กับคนในสังคมได้ สิ่ง ๆ นั้น ก็จะมีมูลค่าขึ้น ผู้คนในสังคมก็จะให้ค่ากับสิ่ง ๆ นั้น ไม่ว่า สิ่ง ๆ นั้นจะเป็นสิ่งที่จับต้องได้หรือจับต้องไม่ได้ก็ตาม

 

4. Bitcoin ไม่ปลอดภัย เสี่ยงถูกแฮก

หลายคนกลัวว่า “Bitcoin อาจถูกแฮกหรือระบบพังได้”

ความจริงคือ: ระบบของ Bitcoin “ไม่เคยถูกแฮก” ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2009

Bitcoin ใช้เทคโนโลยี Blockchain ซึ่งเป็นระบบที่ปลอดภัยสูง โปร่งใส และตรวจสอบได้ ทุกธุรกรรมของ Bitcoin ถูกบันทึกเป็น บล็อก (Block) และเรียงต่อกันเป็นสายโซ่ (Chain) ทำให้แก้ไขธุรกรรมย้อนหลังแทบเป็นไปไม่ได้

สิ่งที่ถูกแฮกบ่อย ๆ ไม่ใช่ Bitcoin แต่เกิดจากที่ตัวบุคคล (human error) และเว็บเทรด (Exchange) เช่น

• การใช้รหัสผ่านที่ง่ายต่อการเดา
• การเก็บ Bitcoin บนแพลตฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อถือ
• ความไม่รอบคอบในการใช้งาน

วิธีป้องกันและลดความเสี่ยง

• เปิดใช้งาน 2FA (Two-Factor Authentication)
• เลือกใช้ Exchange ที่น่าเชื่อถือ หรือที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.
• ศึกษาวิธีการใช้ Hardware wallet  เพื่อเก็บ Bitcoin อย่างถูกต้อง (Self custody)

Bitcast เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ได้รับอนุญาต (Authorized Reseller) ในประเทศไทย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook fanpage : Bitcast หรือ https://thaibitcast.com/ มีบริการหลังการขายตลอดการใช้งาน รับประกันการใช้งาน 1 ปีเต็ม มีคลิปสอนและรีวิววิธีการใช้ Hardware wallet ที่ถูกต้องให้ศึกษาครับ

 

5. Bitcoin ทำลายสิ่งแวดล้อม

บางคนเชื่อว่า “Bitcoin ใช้พลังงานเยอะเกินไป ทำให้เกิดมลพิษ”

แม้ว่าการขุด Bitcoin ใช้พลังงานสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า Bitcoin เป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อม

ว่าด้วยทฤษฎีเกมแล้ว นักขุด Bitcoin จะมีแรงจูงใจที่จะหาแหล่งพลังงานที่ถูกที่สุด เนื่องจากต้นทุนในการขุด Bitcoin สูง วิธีการที่จะทำให้ได้กำไรสูงที่สุด คือ การแสวงหาแหล่งพลังงานที่ถูกที่สุด และแหล่งพลังงานที่ถูกที่สุดมักเป็นพลังงานสะอาด (clean energy) จึงทำให้แนวโน้มจะมาทางพลังงานสะอาดมากขึ้น  เช่น

• พลังงานน้ำ – ใช้ในเหมือง Bitcoin แถบแคนาดาและจีน
• พลังงานลมและแสงอาทิตย์ – เริ่มถูกนำมาใช้มากขึ้น
• พลังงานเหลือทิ้ง – จากโรงไฟฟ้า หรือพลังงานความร้อนใต้พิภพ เช่น ประเทศเอลซัลวาดอร์ ใช้พลังงานจากภูเขาไฟในการขุด Bitcoin

ดังนั้นภาพจำว่า “Bitcoin ทำลายโลก” อาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนไปแล้วในปัจจุบัน

 

สรุป

 Bitcoin ไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคนคิด

• ✅ Bitcoin ไม่ได้มีไว้ฟอกเงิน – ธุรกรรมโปร่งใสและตรวจสอบได้
• ✅ Bitcoin ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ – ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีผลตอบแทนลวงโลก
• ✅ Bitcoin มีมูลค่า – เพราะมันเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่หายาก และเปลี่ยนแปลงไม่ได้
• ✅ Bitcoin ปลอดภัย – ระบบ Blockchain ถูกออกแบบให้ทนต่อการโจมตี
• ✅ Bitcoin ไม่ได้ทำลายโลก – มีการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น

 

ถ้าสนใจศึกษาเพิ่มเติม สามารถรับชมเนื้อหาเต็มได้ที่ 5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ Bitcoin

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ อย่าปล่อยให้ความเข้าใจผิด ทำให้พลาดโอกาสเรียนรู้อนาคตของการเงินนะครับ // แอดมินที 🟠