Ledger Flex คืออะไร?
Ledger Flex ได้ถูกเปิดตัวขึ้นที่งาน Bitcoin Conference 2024 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา และเป็นช่วงครบรอบ 10 ปีของ Ledger อีกด้วยโดย Ledger Flex ตั้งใจให้เป็น Hardware Wallet ที่อยู่ในช่วงราคาระดับกลางและเหมาะกับทั้งผู้ที่เริ่มใช้งาน Hardware Wallet หรือมีประสบการณ์ใช้งานมาแล้ว
Ledger Flex Hardware Wallet มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา Graphite ที่เป็นรุ่นปกติ และสีส้ม Bitcoin Orange
ภาพ Ledger Flex จาก Ledger official website
ฟีเจอร์ของ Ledger Flex
มาดูกันที่ฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ Ledger Flex Hardware Wallet โดยจะแยกเป็นแต่ละฟีเจอร์หลัก ๆ ให้เห็นภาพชัดขึ้น
หน้าจอ
เริ่มต้นด้วยหน้าจอเพราะถือว่าเป็นจุดเด่นของ Ledger Flex Hardware Wallet ซึ่งมาพร้อมหน้าจอสัมผัสแบบ E Ink® สีเทามากถึง 16 เฉดสีเทา ขนาดหน้าจอ 2.84 นิ้ว
ภาพ Ledger Flex และ Ledger Stax
ที่น่าสนใจคือ Ledger ได้กลับไปใช้หน้าจอแบบเดิม ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ได้ออก Ledger Stax ที่มีหน้าจอแบบโค้งด้านข้าง ซึ่งทำให้ Ledger Stax นั้นมีความโค้งมนและดูสวยงาม แต่ที่ Ledger หันกลับมาออกแบบหน้าจอแบบเดิมนั้นทำให้ดูแข็งแรงมากกว่าแบบโค้งด้านข้าง นอกจากนี้หน้าจอของ Ledger Flex Hardware Wallet ยังแสดงภาพ NFT ได้อีกด้วย
*E-ink หรือที่เรียกว่า "e-ink" หรือ "e-paper" เป็นเทคโนโลยีการแสดงผลที่ใช้พลังงานต่ำและเอฟเฟ็กต์ภาพที่คล้ายกับหมึกบนกระดาษ คุณลักษณะเหล่านี้ทำให้เหมาะสำหรับ e-reader ทำให้สบายตาเมื่อใช้งาน
ตัวเครื่อง
น้ำหนักของตัวเครื่องของ Ledger Flex Hardware Wallet หนักเพียง 57.5 กรัม และไม่มีหน้าจอที่โค้งมนด้านข้าง ทำให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรง รอบตัวเครื่องมีกรอบอะลูมิเนียมและฝาหลังเป็นพลาสติก และยังมีส่วนด้านล่างที่ออกแบบมาเป็นโลหะทำให้ดูโดดเด่นและทำให้จับได้สะดวกมากขึ้นเมื่อสัมผัสกับหน้าจอตอนใช้งาน และเพิ่มความโดดเด่นด้วยโลโก้ของ Ledger อีกด้วย
ความปลอดภัย
Ledger Flex Hardware Wallet ใช้ secure element chip (SE) มาตรฐาน CC EAL6+ ระดับเดียวกันกับ Hardware Wallet ตัวอื่น ๆ ในตลาด เช่น OneKey, Keystone หรือ Tangem เป็นต้น
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Ledger Flex Hardware Wallet คือ แอป Ledger Security Key ซึ่งแอปนี้สามารถใช้ two-factor authentication (2FA) และ Passkey ได้ โดยใช้เทคโนโลยี NFC ยืนยันตรวจสอบได้ง่าย ๆ เพียงแตะ Ledger Flex กับอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการป้องกันการฟิชชิ่งและการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยใช้มาตรฐาน FIDO 2 สามารถใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Google, Binance เป็นต้น
แอปนี้ยังรองรับ Ledger Nano S Plus (ระบบปฏิบัติการเวอร์ชัน 1.1.0 ขึ้นไป), Ledger Nano X (ระบบปฏิบัติการเวอร์ชัน 2.1.0 ขึ้นไป), Ledger Nano S (ระบบปฏิบัติการเวอร์ชัน 2.1.0 ขึ้นไป) และ Ledger Stax
ด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ทำให้เห็นรายละเอียดของการทำธุรกรรม Clear Signing ทำให้ผู้ใช้ตรวจสอบรายละเอียดธุรกรรมบนหน้าจออุปกรณ์ Ledger ก่อนการอนุมัติ ซึ่ง Clear Signing นี้ช่วยป้องกันการโจมตีแบบฟิชชิ่งและธุรกรรมที่ไม่ปลอดภัยทำให้กระบวนการยืนยันที่ชัดเจนมากขึ้น
การกู้คืน Private Keys
Ledger Flex Hardware Wallet ยังมีบริการ Ledger Recover เช่นเดิม โดยบริการนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสำรองและสามารถกู้คืน Private Keys ได้
การเชื่อมต่อ
Ledger Flex Hardware Wallet มาพร้อมการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ได้แก่ Bluetooth 5.2 และพอร์ต USB-C ที่ทำให้เราสามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน iOS, Android หรือคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ Ledger Flex ยังรองรับเทคโนโลยี NFC (Near Field Communication) สามารถทำธุรกรรมได้เพียงการแตะได้อย่างรวดเร็ว
Ledger Flex Hardware Wallet เหมาะกับใคร
Ledger Flex Hardware Wallet เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหา Hardware Wallet ในงบประมาณหมื่นต้น ๆ เหมาะสำหรับมือใหม่และผู้ใช้เคยใช้งานมากก่อนแล้วและกำลังมองหาอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัด
ราคา Ledger Flex
Ledger Flex Hardware Wallet มีราคาอยู่ที่ประมาณ 9,800 บาท ราคานี้ไม่รวมภาษีและค่าจัดส่ง โดยซึ่งราคานี้ถูกกว่า Stax แต่สูงกว่า Nano X และ S Plus สามารถสั่งซื้อได้ที่ Ledger website
บทสรุป
Ledger Flex Hardware Wallet ถือเป็น Hardware Wallet ตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ สำหรับความสามารถการใช้งานร่วมกับทั้งการเชื่อมต่อผ่านสาย USB-C เพื่อใช้งานบนคอมพิวเตอร์และการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธเพื่อใช้งานบนมือถือ ซึ่งมาพร้อมหน้าจอสัมผัส E Ink® ดูง่าย สบายตา และราคาระดับกลางของ Ledger อีกด้วย
หากเพื่อน ๆ สนใจ Hardware Wallet รุ่นอื่น ๆ ทาง Bitcast มีจำหน่าย สามารถเลือกชมสินค้าได้ที่นี่