
Multi-Signature wallet คืออะไร ? ทำไมถึงต้องรู้
Share
Multisig Wallet คืออะไร? ทำไมคนจริงจังเรื่อง Bitcoin ถึงให้ความสนใจกันมากขึ้น
หากคุณเป็นคนที่เริ่มสนใจการเก็บรักษา Bitcoin ด้วยตัวเอง (self-custody) คุณอาจเคยได้ยินคำว่า Multisig Wallet ผ่านตามาบ้าง แต่อาจยังไม่แน่ใจว่าคืออะไร ใช้งานยังไง และเหมาะกับเรารึเปล่า?
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Multisig Wallet ตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานไปจนถึงข้อดีข้อควรระวัง เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ว่าเหมาะกับคุณหรือไม่
กระเป๋า Bitcoin แบบทั่วไป (Single Signature) คืออะไร?
ก่อนจะเข้าใจ Multisig เรามาทบทวนกันก่อน
กระเป๋าแบบทั่วไปที่เราคุ้นเคยกัน เช่น hardware wallet, mobile wallet หรือ software wallet ทั่วไป ใช้ระบบการเซ็นธุรกรรมด้วย คีย์เพียง 1 ชุด (private key) ซึ่งหมายความว่า
ใครก็ตามที่มี private key = เป็นเจ้าของเงิน = ย้ายเงินได้เลย
แม้ว่าจะสะดวกและใช้งานง่าย แต่ความเสี่ยงก็คือ:
- ถ้า Key หลุด = เงินหาย
-
ถ้า Key ถูกแฮก = เงินหาย
- ถ้าทำ Key หายและไม่มี backup = เงินหายเหมือนกัน
Multi-signature Wallet คืออะไร?
Multisig ย่อมาจาก Multi-Signature ซึ่งแปลตรงตัว คือ “หลายลายเซ็น” หรือก็คือกระเป๋าที่ต้องการ Key ที่ “มากกว่า” 1 Key เพื่ออนุมัติธุรกรรม
เช่น:
📌 Multisig แบบ 2 ใน 3 (2-of-3) = ต้องใช้ 2 จาก 3 Key ในการอนุมัติธุรกรรม
📌 Multisig แบบ 3 ใน 5 (3-of-5) = ต้องใช้ 3 จาก 5 Key ในการอนุมัติธุรกรรม
📌 Multisig แบบ 5 ใน 5 (5-of-5) = ต้องใช้ 5 จาก 5 Key ในการอนุมัติธุรกรรม
ดังนั้น ต่อให้ 1 Key หายหรือถูกขโมยไป ก็ไม่สามารถขโมยเงินจากกระเป๋าได้
ตัวอย่างการใช้งาน Multisig
กรณีเก็บแบบ “กระจายความเสี่ยง”
สร้าง Multisig แบบ 2-of-3 แล้วเก็บ Key ไว้ 3 ที่:
- Key 1: อยู่ที่ Hardware Wallet ที่บ้าน
- Key 2: อยู่ที่ Tapsigner ที่เราพกติดตัว
- Key 3: เก็บในตู้เซฟธนาคาร
ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น เครื่องพัง, ไฟไหม้, โดนขโมย ก็ยังมีคีย์ 2 จาก 3 ใช้งานได้
กรณีเก็บแบบ “ธุรกิจ”
เช่น มีหุ้นส่วน 5 คน แล้วเลือกใช้ Multisig แบบ 3-of-5
เมื่อต้องมีการใช้เงิน สามารถทำได้ก็ต่อเมื่อมีหุ้น่สวนอย่างน้อย 3 คนใน 5 คน ร่วมกันเซ็นธุรกรรม
ข้อดีของ Multisig
- มีความปลอดภัยกว่าการเก็บแบบคีย์เดียว
- ป้องกันจุดเดียวพัง (Single Point of Failure)
- ใช้ร่วมกับอุปกรณ์หลากหลาย เช่น Keystone, Tapsigner, Coldcard ได้
- เหมาะสำหรับการจัดเก็บระยะยาว, วางแผนมรดก, หรือบริษัท
ข้อควรระวัง
- ต้องอาศัยการเรียนรู้และความคุ้นเคยในการใช้งาน
- การตั้งค่าและใช้งานซับซ้อนกว่ากระเป๋าทั่วไป
- ต้องมีการจัดเก็บคีย์แล้วข้อมูลในการ recovery ที่มากกว่า
- ต้องมีอุปกรณ์หรือแอปที่รองรับ Multisig เช่น Nunchuk, Sparrow Wallet, electrum เป็นต้น
มือใหม่อยากเริ่มใช้งาน Multisig Wallet ควรทำอะไรต่อ?
- ลองเริ่มจากการทดลองตั้งค่าผ่าน Software Wallet เช่น Sparrow Wallet หรือ Nunchuk.io (โดยจะมีกล่าวถึววิธีการทำเบื้องต้นในบทความถัด ๆ ไป)
- ศึกษาคำศัพท์สำคัญ เช่น xpub, descriptor wallet เป็นต้น
- ลองตั้งค่า Multisig แบบ 2-of-3 ด้วยตัวเอง โดยใช้เครื่องมือที่คุณมี เช่น Hardware Wallet + Tapsigner + Backup Seed
- อย่าลืม ทดสอบส่งธุรกรรมจำนวนเล็ก ๆ ก่อน เพื่อความมั่นใจ
สรุป
Multisig Wallet คือ กระเป๋าที่ต้องใช้ “มากกว่า” 1 Key การในยืนยันธุรกรรม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและเป็นการยกระดับของความปลอดภัยในการถือ Bitcoin ด้วยตัวเอง เหมาะกับคนที่ถือระยะยาว ถือเงินก้อนใหญ่ หรืออยากกระจายความเสี่ยงในการจัดเก็บให้มากขึ้น
🧭 ต้องการคำแนะนำแบบส่วนตัว?
หากคุณต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับ:
- การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะกับ Multisig
- การออกแบบโครงสร้างกระเป๋าสำหรับเก็บระยะยาวหรือใช้ในธุรกิจ
- การตั้งค่า Multisig Wallet ที่ใช้งานได้จริงและปลอดภัย
💬 ติดต่อเราผ่าน inbox Facebook: Bitcast หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราได้ที่ thaibitcast.com