เจาะลึกสถาปัตยกรรมความปลอดภัย Trezor Safe 7 Quantum-Ready และ Dual SE
Share
- ภาพรวมของ Trezor Safe 7
- ยกระดับความปลอดภัยด้วย Dual Secure Element Chip
- ราคาเปิดตัว และตำแหน่งทางการตลาด
- Trezor Safe 7: สถาปัตยกรรมและแนวคิดด้านความปลอดภัย
- กระบวนทัศน์ใหม่ด้วยการใช้ Dual Secure Element
- รูปแบบความปลอดภัยของ Trezor ในอดีตเทียบกับแนวคิดใหม่แบบไฮบริด
- การวิเคราะห์เชิงลึกของ TROPIC01: ข้อมูลจำเพาะ, การออกแบบที่ตรวจสอบได้, และระบบป้องกันการงัดแงะ
- ความพร้อมสำหรับ Post-Quantum Cryptography
- ความหมายของคำว่า 'Quantum-Ready' และการสร้างความเข็งแกร่งของ Bootloader
- Quantum-Ready เป็นแค่คำทางการตลาดหรือเป็นความจำเป็นจริงๆ
- ข้อดี ข้อเสีย และความสามารถในการใช้งาน
- ข้อดี: ความสามารถในการใช้งานและการอัปเกรดฮาร์ดแวร์
- การเชื่อมต่อไร้สาย (Bluetooth LE) และโปรโตคอลความปลอดภัย
- ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตระดับพรีเมียมและการจัดการพลังงาน
- คุณสมบัติการสำรองข้อมูลขั้นสูง
- การเปรียบเทียบ Trezor Safe Line และคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์
- ข้อเสีย: ราคาและฐานลูกค้าฝั่ง Web 3
- ราคา และ ฟังก์ชันการทำงานบน Web3 แบบ Native ที่จำกัด
- การเปรียบเทียบฟังก์ชันการทำงานของ Trezor Suite
- เปิดตัวราคาสุดพรีเมียม (249 ดอลลาร์สหรัฐฯ)
- คู่แข่งและกลยุทธ์ทางการตลาด
- Trezor เทียบกับ Ledger: การต่อสู้บนปรัชญาของความปลอดภัย
- การตอบสนองเชิงกลยุทธ์ของ Ledger ต่อโมเดล Open-SE ของ TROPIC01
- เปรียบเทียบคุณสมบัติของฮาร์ดแวร์วอลเล็ต
- Trezor เทียบกับ Coldcard/Bitcoin Maxis: ความซ้ำซ้อนและ Air-Gapped
- การเปรียบเทียบกลยุทธ์ Dual-SE
- ความสะดวกสบายไร้สายเทียบกับความปลอดภัยแบบ Air-Gapped
- การเปรียบเทียบสถาปัตยกรรมความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์วอลเล็ต
- การรับรู้ของตลาด
- ปฏิกิริยาของชุมชนและการวิเคราะห์จากนักวิเคราะห์
- ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อตลาดระดับกลาง
- บทสรุปเชิงกลยุทธ์และอนาคตของฮาร์แวร์วอลเล็ต
- ภาพรวมของ Trezor Safe 7 และการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์
- อนาคตมาตรฐานความปลอดภัยกระเป๋าฮาร์ดแวร์
Trezor Safe 7: วางตัวในตลาดยังไง คู่แข่งเล่นกันแบบไหน แล้วความปลอดภัยข้างในจัดเต็มแค่ไหน
ภาพรวมของ Trezor Safe 7
การเปิดตัว Trezor Safe 7 คือก้าวสำคัญของ SatoshiLabs ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์วอลเล็ตแบรนด์ Trezor ราคาเปิดพรีออเดอร์อยู่ที่ 249 ดอลลาร์ (ยังไม่รวมภาษีนำเข้าและค่าจัดส่ง) ซึ่งราคาเปิดตัวค่อนข้างสูง Trezor Safe 7 ไม่ได้พี่งพาไมโครคอนโทรลเลอร์อย่างเดียวอีกแล้ว แล้วหันมาใช้ระบบแบบผสมที่มี Dual Secure Element เป้าหมายมีสองข้อ
- แก้ไขเรื่องการใช้งานที่ไม่สะดวกเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Ledger ด้วยการใช้งานไร้สายได้อย่างสะดวกสบาย
- นำเสนอมุมมองใหม่เรื่องความปลอดภัย ด้วยการทำฮาร์ดแวร์ให้โปร่งใสมากขึ้น ผ่าน Secure Element ที่ตรวจสอบได้ตัวแรกของโลก ชื่อ TROPIC01
Trezor เป็นผู้นำฮาร์ดแวร์วอลเล็ตและซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สเต็มรูปแบบ ซึ่งในอดีตมักถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความเสี่ยงของ Trezor รุ่นเก่า อย่าง Trezor Model One ต่อการถูกโจมตีทางกายภาพที่สามารถดึง Seed ด้วยการโจมตี ที่เรียกว่า Side Channel Attack
Trezor Safe 7 แก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยนี้โดยตรง ขณะเดียวกันก็ใช้จุดแข็งทางปรัชญาคือเน้น—ความโปร่งใส—มากกว่าความเชื่อใจ การรวมชิป TROPIC01 ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้เข้ากับ Secure Element ของผู้ผลิตรายอื่นที่ผ่านการรับรอง EAL6+ สร้างความสามารถในการป้องกันความปลอดภัยแบบหลายชั้น การเปิดตัวที่คาดหวังไว้สูงนี้เป็นการวางตำแหน่ง Trezor อย่างมีนัยยะในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมที่มุ่งเน้นทั้งมาตรฐานความปลอดภัยที่ล้ำสมัย (มาพร้อมกับ Quantum Ready) และความสะดวกสบายสมัยใหม่ที่จำเป็น (การเชื่อมต่อไร้สาย)
ยกระดับความปลอดภัยด้วย Dual Secure Element Chip
นวัตกรรมทางวิศวกรรมหลักของ Trezor Safe 7 คือการปรับใช้ TROPIC01 ซึ่ง Trezor ประกาศชูเรื่อง Secure Element ที่โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้เต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกของโลก การขยับครั้งนี้ท้าทายการพึ่งพา Secure Element ที่มีการจดสิทธิบัตร, ไม่เปิดเผยซอร์สโค้ด และใช้วิธีการการรับรองจาก EAL ตามธรรมเนียมของอุตสาหกรรมที่คู่แข่งใช้
การออกแบบฮาร์ดแวร์ TROPIC01 นั้นเปิดให้สาธารณชนตรวจสอบได้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกสามารถตรวจสอบและยืนยันการนำความปลอดภัยไปใช้ได้ ซึ่งช่วยขจัดความกังวลเกี่ยวกับช่องโหว่ที่ยังไม่ถูกค้นพบหรือ Backdoor ที่ผู้ผลิตอาจตั้งใจใส่เข้ามา
ซึ่งตรงกับหลักการ Kerckhoffs's ที่ยึดมั่นกับการตรวจสอบได้มากกว่าการเชื่อมั่นในตัวองค์กร Trezor และระบบควรจะโปร่งใส่มีแต่ Private Key เท่านั้นที่ไม่ครถูกเปิดเผย
ทั้งนี้ความปลอดภัยในตลาดฮาร์ดแวร์ที่มักประสบปัญหาความกังวลเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานก่อนที่จะถึงมือผู้ใช้งาน ซึ่งสถาปัตยกรรมไฮบริดผสมผสานถึงการปรับใช้ในเชิงปฏิบัติ ด้วยการผสานใช้ชิป EAL6+ ที่ได้รับการรับรองป้องกันอีกชั้นหนึ่ง กับช่วงเริ่มต้นของ TROPIC01 ซึ่งเทคนิคการใช้ Dual Secure Element นี้ Trezor ไม่ได้เป็นผู้ใช้เป็นเจ้าแรก ในตลาดมี ColdCard ซึ่งเป็น Hardwqre Wallet ที่เก็บ Bitcoin อย่างเดียวเท่านั้นใช้เทคนิคนี้มานานแล้ว
ราคาเปิดตัว และตำแหน่งทางการตลาด
ด้วยการเปิดตัวราคาพรีออเดอร์ที่ 249 ดอลลาร์สหรัฐฯ Trezor Safe 7 ถูกวางตำแหน่งอย่างชัดเจนในกลุ่มตลาดฮาร์ดแวร์วอลเล็ตระดับพรีเมียม ซึ่งสูงกว่าราคา 169 ดอลลาร์ของ Trezor Safe 5 และราคาเริ่มต้น 79 ดอลลาร์ของ Trezor Safe 3
ราคาพรีเมียมนี้สืบเนื่องมาจากวิศวกรรมที่ล้ำสมัยและการสั่งทำพิเศษที่ต้องใช้สำหรับ Unibody อะลูมิเนียมเคลือบผิว , ระบบ Dual-SE ที่ซับซ้อน (รวมถึงต้นทุนการพัฒนา TROPIC01), หน้าจอสัมผัส Gorilla Glass ขนาดใหญ่ 2.5 นิ้ว แบตเตอรี่ LiFePO₄ และการรวมการชาร์จไร้สาย Qi2
อย่างไรก็ตาม ราคาสูงนี้ทำให้ Trezor ถูกเปรียบเทียบฟังก์ชันการทำงานของซอฟต์แวร์กับคู่แข่งหลักในตลาด เนื่องจากในอดีต Trezor ยังคงประสบปัญหาในฟังก์ชันการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ Alt Coin, DApp โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดความสามารถในการ Staking และการจัดการ NFT แบบ Native คุณสมบัติเหล่านี้ยังคงต้องใช้การเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ภายนอก ซึ่งยังน้อยเมื่อเทียบกับ Ecosystem ของคู่แข่งอย่าง Ledger
ตลาดอาจกดดันให้ Trezor เพิ่มความสามารถในฟังก์ชันการทำงานเหล่านี้ให้สมกับราคาและมูลค่าระดับพรีเมียมสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการการเข้าถึง Web3 และ DeFi เพราะเท่าที่ประเมินเบื้องต้นผมคิดว่าน่าจะช่วงชิงลูกค้าฝั่ง Ledger มากกว่า CoinKite อย่าง ColdCard
Trezor Safe 7: สถาปัตยกรรมและแนวคิดด้านความปลอดภัย
กระบวนทัศน์ใหม่ด้วยการใช้ Dual Secure Element
รูปแบบความปลอดภัยของ Trezor ในอดีตเทียบกับแนวคิดใหม่แบบไฮบริด
ฮาร์ดแวร์วอลเล็ต Trezor รุ่นแรก ๆ (Trezor Model One) ใช้รูปแบบการจัดการความปลอดภัยที่มีการรวมศูนย์กลางอยู่ที่ความโปร่งใส (Open source) โดยอาศัยไมโครคอนโทรลเลอร์(MCU) ควบคุมการใช้งานโดยรวม เพื่อจัดการ Private Keys และใช้ Bootloader โหลดเฟิร์มแวร์ที่โอเพนซอร์สเพื่อรับประกันความปลอดภัย ตรวจสอบได้ มาใช้ยืนยันสิทธิ์จากผู้ใช้ด้วยการกดปุ่ม เรียบง่ายใช้การเข้าถึงทางกายภาพ เป็นตัวควบคู่กับ Private Key สามารถตอบโจทย์ทางปรัชญาเรื่อง “Don’t trust, verify” ได้อย่างดี
แต่วิธีการนี้ยังมีจุดอ่อนที่สามารถถูกโจมตีได้ถ้าเข้าถึงอุปกรณ์ เช่นการโจมตีที่เรียกว่า Side-channel Attack เพียงแค่ใช้อุปกรณ์ ที่สามารถตรวจจับความต่างศักย์ได้ ก็เพียงพอในการโจมตีด้วยวิธีการเดาสุ่ม
ในทางตรงกันข้าม Ledger ใช้ Secure Element (SE) แบบไม่เปิดเผยซอร์สโค้ดที่ได้รับการรับรอง EAL มาเป็นตัวช่วยสำหรับการจัดเก็บคีย์ โดยจัดโครงสร้างให้เป็นการป้องกันทางกายภาพที่เหนือกว่า Trezor
Trezor ถูกกดดันเรื่องนี้จึงเริ่มต้นใช้ Secure Element ที่ได้รับการรับรอง EAL6+ ใส่ใน Trezor Safe 3 และ Trezor Safe 5 เพื่อแก้ไขปัญหาช่องโหว่การโจมตีทางกายภาพนี้โดยตรง
Trezor Safe 7 ยกระดับการป้องกันนี้ผ่านระบบ Dual Secure Element ซึ่งไม่ใช่ไอเดียใหม่ Coinkite Cold Card นำเสนอสถาปัตยกรรมนี้มาก่อนแล้ว แต่ความต่างของ Trezor คือเป็นขยับเชิงกลยุทธ์ที่ลึกซึ้งที่ผลักดันมาตรฐาน Hardware ที่ Open Source จัดเต็มด้วยฟังก์ชั่นการต้านทานการงัดแงะทางกายภาพ ความต่างศักย์ เลเซอร์ และมีฟังก์ชั่นการทำลายตัวเองอัตโนมัติ
การใช้ Dual-SE ใช้ชิป TROPIC01 ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบเปิดที่ในอนาคตผมคิดว่าปฏิวัติอุตสาหกรรมชิปแน่นอน การนำมาจับคู่ไปกับ Secure Element ที่ได้รับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม EAL6+ นั้นเป็นการออกแบบนี้สร้างความสมดุลระหว่างกลุ่มที่เชื่อใน Open Source และกลุ่มที่เชื่อในการรับรอง ทำให้สองกลุ่มนี้สามารถใช้ได้โดยไม่ขัดกับความรู้สึกมากนัก
การวิเคราะห์เชิงลึกของ TROPIC01: ข้อมูลจำเพาะ, การออกแบบที่ตรวจสอบได้, และระบบป้องกันการงัดแงะ
TROPIC01 ซึ่งพัฒนาโดย Tropic Square เป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญของระบบความปลอดภัยใน Trezor Safe 7 ส่วนประกอบนี้เราเรียกว่า Secure Element แตกต่างที่เป็นครั้งแรกที่ Trezor ใช้ Concept Open Source ทำให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้แบบเต็มรูปแบบ (Fully Open Source) ของโลกเลยก็ว่าได้
Trezor ช่วงชิงกลยุทธในการชูความปลอดภัยแบบโปร่งใสมากกว่า "ความปลอดภัยที่ผ่านการรับรองแบบคลุมเครือ" โดยการบวนการควบคุมการผลิตชิปที่ปลอดภัยตามธรรมเนียมปฏิติเพื่อให้ได้รับการรับรองเท่านั้น
ในทางเทคนิค Secure Element TROPIC01 เป็นฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อน สถาปัตยกรรมหลักสร้างขึ้นจาก RISC-V IBEX Controller Core ซึ่งรองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่ปลอดภัยและแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ Trezor ที่มีต่อมาตรฐานการทำงานแบบเปิด แม้ในระดับฮาร์ดแวร์ที่ยากที่สุด
ชิปประกอบด้วยส่วนของการเข้ารหัสเฉพาะสำหรับฟังก์ชันที่จำเป็น เช่น Elliptic Curve Cryptography (รวมถึง Ed25519 EdDSA Signing และ P-256 ECDSA Signing), Diffie-Hellman X25519 Key Exchange, SHA256 และ SHA512 Hashing, และ AES256-GCM Encryption
ที่สำคัญ TROPIC01 ได้รวมกลไกระบบตรวจจับการงัดแงะทางกายภาพขั้นสูงที่ เช่น ตัวตรวจจับแรงดันไฟฟ้า Glitch, ตัวตรวจจับอุณหภูมิ, ตัวตรวจจับชีพจรแม่เหล็กไฟฟ้า, และตัวตรวจจับเลเซอร์ ซึ่งทั้งหมดได้รับการป้องกันโดย Active Shield
นอกจากนี้การสุ่มที่เป็นหัวใจหลักในการสร้าง Seed Phrase TROPIC01 ใช้ทั้ง Physically Unclonable Function (PUF) และ True Random Number Generator (TRNG) ในหน่วยความจำภายใน (Flash และ OTP) รวมไปถึงความปลอดภัยในภายใน เช่น การ Scrambling ที่อยู่หน่วยความจำ, การเข้ารหัสแบบ On-the-fly, และการป้องกัน Error Correction Code (ECC) เพื่อให้มั่นใจในการป้องกันการโจมตีแบบ Probe ที่สมบูรณ์แบบ
การออกแบบทั้งหมดได้รับการเปิดเผย และให้ทุกคนสามารถสืบค้น, เปิดเผย, และเสนอวิธีแก้ไขข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว คอมมูนิตี้จึงมั่นใจได้ว่าความปลอดภัยของโซลูชันจะพัฒนาไปพร้อมกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้น ที่สำคัญมันทำให้คอมมูตี้รู้สึกว่าผลิตภัณฑ์เป็นส่วนหนึ่งของตนด้วย
ความพร้อมสำหรับ Post-Quantum Cryptography
ความหมายของคำว่า 'Quantum-Ready' และการสร้างความเข็งแกร่งของ Bootloader
Trezor Safe 7 ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดอย่างชัดเจนว่ามี "ความปลอดภัยของคริปโตที่ล้ำหน้าและพร้อมสำหรับอนาคต" ด้วยคำว่า "Quantum-Ready" สินทรัพย์คริปโตในปัจจุบัน เช่น Bitcoin ยังมีความปลอดภัยไม่พอสำหรับควอนตัม Trezor Safe 7 จึงออกแบบทางวิศวกรรมโดยคำนึงถึงความพร้อมสำหรับการป้องกันภัยคุกคามนี้
เป็นเรื่องที่ยังต้องพิสูจน์ว่าคอนเซ็ปท์ Post-Quantum Cryptographic (PQC) ที่ใช้ในการป้องกัน (Signed) Bootloader จะทำได้จริงหรือไม่ ในเชิงทฤษฏีนี้อัลกอริทึมมีความทนทานต่อควอนตัมคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ทำให้ Trezor Safe 7 จะสามารถอัพเดตเฟิร์มแวร์และกระบวนการสร้างคีย์ของตัวเองได้อย่างปลอดภัย CTO ของ Trezor ชี้ให้เห็นว่าความสามารถนี้เป็นการลงทุนระยะยาว เพราะภัยคุกคามที่เกิดจากควอนตัมคอมพิวติ้งนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเน้นว่า "ไม่ใช่คำถามว่าถ้ามันเกิด แต่ควรถามว่าเกิดเมื่อไหร่ต่างหาก" และสิ่งนี้เป็นเครื่องรับประกันได้ว่าปลอดภัยจากภัยคุกคามนี้เมื่อถึงคราวที่ต้องใช้
Quantum-Ready เป็นแค่คำทางการตลาดหรือเป็นความจำเป็นจริงๆ
ดังนั้นการที่ Trezor ใช้คำว่า "Quantum-Ready" ส่วนหนึ่งผมคิดว่ามีความคาดหวังเรื่องของการตลาดมากกว่า แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะถ้าเราดูความตั้งใจของ Trezor เอาใจสาย HODLers ด้วยการทำยังไงก็ได้ ให้อายุการใช้งานของ ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตตัวนี้มีอายุการใช้งานได้นาน ดูได้จากการเลือกใช้วัสดุและแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานมากๆ ผมคิดว่าการใส่ Quantum-Ready เข้ามาจะมีผลที่ทำให้ฮาร์ดแวร์ตัวนี้เป็นตัวจบที่มันจะอยู่ได้เป็นสิบๆ ปีโดยที่เราไม่ต้องกังวล ปัจจุบัน Trezor Model One ผมใช้มาตั้งแต่ปี 2017 ผมก็ยังใช้ได้ดีอยู่เลยTrezor จึงวาง Safe 7 ไว้ในตำแหน่งที่ตรงต่อคนที่คิดถือครองในระยะยาว (HODLers) ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่ต้องการอุปกรณ์ Cold Storage ที่ออกแบบมาเพื่อการเก็บรักษาความมั่งคั่งข้ามรุ่นได้อย่างมั่นใจในระยะยาว และเพิ่มช่องทางในการแก้ไขปัญหาความล้าสมัยทางเทคโนโลยีที่อาจส่งผลกระทบต่อฮาร์ดแวร์วอลเล็ตได้
ข้อดี ข้อเสีย และความสามารถในการใช้งาน
Trezor Safe 7 มีลักษณะเฉพาะคือการปรับปรุงชุดฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัยและมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการใช้งาน ควบคู่ไปกับความสามารถในการอัพเดตได้ในอนาคต
ข้อดี: ความสามารถในการใช้งานและการอัปเกรดฮาร์ดแวร์
การเชื่อมต่อไร้สาย (Bluetooth LE) และโปรโตคอลความปลอดภัย
วิวัฒนาการที่โดดเด่นใน Safe 7 คือการนำเสนอการเชื่อมต่อไร้สายเต็มรูปแบบ โดยใช้ Bluetooth Low Energy (BLE) เพื่อจับคู่กับอุปกรณ์มือถือและเดสก์ท็อป (หลายๆ รุ่นใช้กับคอมพิวเตอร์ไม่ได้ใช้กับมือถือได้อย่างเดียว) ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องใช้สายเคเบิลอีกต่อไป เรื่องนี้แก้ไขในสิ่งที่โดนคอมมูนิตี้วิพากษ์วิจารณ์ Trezor รุ่นเก่า อย่างหนัก ซึ่งในอดีตตามหลัง Ledger ในด้านความสะดวกสบายในการใช้คู่กับมือถือ คุณสมบัติใหม่นี้มอบประสบการณ์ใช้งานที่สะดวกสบายและช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อและลงนามในธุรกรรมได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อแบบมีสายอีกต่อไป
ความปลอดภัยสำหรับการเชื่อมต่อไร้สายนี้ถูกแก้ไขเรื่องความปลอดภัยผ่าน Trezor Host Protocol ที่ Trezor คิดค้นขึ้นมาเพื่อการจับคู่ Bluetooth ที่ปลอดภัยผ่านการเข้ารหัส การตัดสินใจเลือกใช้ Bluetooth แทน Airgapped เป็นการตัดสินใจที่จะเลือกกลุ่มฐานลูกค้าทั่วไปมากกว่า Bitcoiner Trezor ซึ่งต้องการการเข้าถึงมือถือที่สะดวกสบายมากขึ้น พูดง่ายๆ เลขคือต้องการแย่งตลาดจาก Ledger มากกว่า ตลาดเฉพาะทางอย่าง Coldcard ที่มักจะปฏิเสธ Bluetooth เนื่องจากการเป็นการเพิ่มพื้นที่การถูกโจมตีโดยธรรมชาติ (Over-the-air Exploits) การเลือกของ Trezor แสดงให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ และเลือกพัฒนา Trezor Host Protocol ขึ้นมาชดความความไม่ปลอดภัย
ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตระดับพรีเมียมและการจัดการพลังงาน
คุณภาพการสร้างทางกายภาพได้รับการอัปเกรดอย่างมีนัยสำคัญ Trezor Safe 7 ถูกอัพเกรดให้เป็นแบบ Unibody (เหมือน iPhone เลย) โดยเลือกใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมเคลือบผิวระดับพรีเมียม ซึ่งให้ความทนทานเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับตัวเรือนพลาสติกของรุ่นก่อน อุปกรณ์มีหน้าจอสัมผัสสีขนาดใหญ่ 2.5 นิ้วที่ป้องกันด้วย Gorilla Glass 3 จอแสดงผลนี้ใหญ่กว่ารุ่นก่อน 62% ซึ่งปรับปรุงอินเทอร์เฟซผู้ใช้อย่างมากสำหรับการยืนยันธุรกรรมและการป้อน PIN หรือ Passphrase โดยตรงบนอุปกรณ์
นอกจากนี้ การรวม Haptic Feedback (อันนี้ผมชอบมาก) ทำให้ให้การยืนยันธุรกรรมแบบสัมผัสมีประสบการณ์ที่เหนือระดับ UX/UI ใช้งานง่ายและเน้นxประสบการณ์การใช้งานแบบสัมผัสได้สมบูรณมากขึ้น
คุณสมบัติการจัดการพลังงานประกอบด้วยแบตเตอรี่ LiFePO₄ ใหม่ ที่ 3.2V และ 330mAh ซึ่งมีรอบการชาร์จยาวนานกว่าแบตเตอรี่ปกติถึงสี่เท่าและสามารถในการคายประจุได้ต่ำมากจนเรียกได้ว่า 0% ก่อนที่จะชาร์จใหม่ และ Trezor Safe 7 รองรับการชาร์จไร้สายที่ได้รับการรับรอง Qi2 ซึ่งเสริมสร้างประสบการณ์การใช้งานแบบไร้สายจริงๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาสายอีกต่อไป แต่สำหรับคนที่ต้องการใช้สายก็ยังสามารถใช้ได้นะครับ
คุณสมบัติการสำรองข้อมูลขั้นสูง
Trezor Safe 7 ยังคงรองรับวิธีการกู้คืน Advanced Multi-share Backup (Shamir Backup) ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Trezor (Trezor Model T, Safe 3 กับ Safe 5 ก็มี) ซึ่งแตกต่างจากวอลเล็ตมาตรฐานที่พึ่งพา Seed Phrase 12 หรือ 24 คำ แบบชุดเดียว
Shamir Backup ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและกระจายส่วนของ Shares ได้สูงสุด 16 Shares เราสามารถ กำหนดกฎการกู้คือได้ เช่น ให้มีทั้งหมด 5 Shares แต่ถ้าจะนำ Seed มากู้คืน สามารถ ใช้สามส่วน ในห้าส่วนมาสำหรับกู้คืนได้ วิธีการนี้ทำให้ลดความเสี่ยงในการสูญหายของ Seed Phrases ได้
การเปรียบเทียบ Trezor Safe Line และคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์
| Feature/Model (คุณสมบัติ/รุ่น) | Trezor Safe 3 | Trezor Safe 5 | Trezor Safe 7 |
|---|---|---|---|
| Price (USD) (ราคา (ดอลลาร์สหรัฐฯ)) | $79 | $169 | $249 (Pre-order) |
| Primary Body Material (วัสดุตัวเครื่องหลัก) | Sturdy PMMA Plastic (พลาสติก PMMA แข็งแรงทนทาน) | Extra-durable PC-ABS Plastic (พลาสติก PC-ABS ที่ทนทานเป็นพิเศษ) | Premium Aluminum Unibody (Unibody อะลูมิเนียมระดับพรีเมียม) |
| Secure Element | Single Certified EAL6+ SE (SE EAL6+ ที่ได้รับการรับรอง) | Single Certified EAL6+ SE (SE EAL6+ ที่ได้รับการรับรอง) | Dual SE (TROPIC01 Auditable + EAL6+) (Dual SE (TROPIC01 ตรวจสอบได้ + EAL6+)) |
| Screen Type (ประเภทหน้าจอ) | Two-button Pad (แป้นสองปุ่ม) | Color Touchscreen (หน้าจอสัมผัสสี) | 2.5-inch Color Touchscreen 62% larger (หน้าจอสัมผัสสี 2.5 นิ้ว ใหญ่ขึ้น 62%) |
| Connectivity (การเชื่อมต่อ) | USB-C (Cabled) | USB-C (Cabled) | USB-C & Bluetooth LE Wireless (มีสาย USB-C และ Bluetooth LE ไร้สาย) |
| Battery (แบตเตอรี่) | No (ไม่มี) | No (ไม่มี) | LiFePO₄, 3.2V, 330mAh |
| Wireless Charging (การชาร์จไร้สาย) | No (ไม่มี) | No (ไม่มี) | Qi2-Compatible (เข้ากันได้กับ Qi2) |
| Quantum Readiness (ความพร้อมป้องกันควอนตัม) | Standard (มาตรฐาน) | Standard (มาตรฐาน) | Quantum-Ready Bootloader Authenticity Check |
ข้อเสีย: ราคาและฐานลูกค้าฝั่ง Web 3
ราคา และ ฟังก์ชันการทำงานบน Web3 แบบ Native ที่จำกัด
ราคาเปิดตัวของ Trezor Safe 7 ถือได้ว่างออกมาได้อย่างแพง จริงอยู่ว่ามันสะท้อนถึงวัสดุและเทคโนโลยีที่ส้ำสมัย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันจะมีสักกี่คนที่จะได้มีโอกาสใช้มัน เงินใน Portfolio ของใครหลายๆ คน อาจจะยังมีไม่ถึงราคาของ Trezor Safe 7 ก็เป็นกำลังใจให้ในการสะสมเงินเพื่อซื้อนะครับ
Trezor Safe 7 มีความก้าวหน้าของฮาร์ดแวร์ และเทคโนโลยีที่สำคัญ แต่ฟังก์ชันการทำงานที่สำคัญที่สุดของ Trezor Safe 7 ยังโฟกัสไปที่ Bitcoin และ Bitcoin Hodler ทำให้มีข้อจำกัดในบางฟังก์ชั่นของ Web3 ขั้นสูง รองรับแต่ฟังก์ชั่นพื้นฐาน เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Ledger ซึ่งยึดฐานลูกค้าฝั่ง Web 3 ไว้จำนวนมากเช่น การ Staking แบบ Native หรือการจัดการ NFT แบบ Native ผมคิดว่าถ้าจะแย่งลูกค้าฝั่งนี้มา ฟังก์ชั่นพวกนี้ต้องมีและทำให้ได้
การเปรียบเทียบฟังก์ชันการทำงานของ Trezor Suite
Ecosystem ซอฟต์แวร์ของ Trezor ซึ่งเรียกว่า Trezor Suite (ส่วน "Lite" ถูกลบออกจากชื่อแล้ว) ได้รับการปรับปรุงแล้ว โดยนำเสนอความเข้ากันได้ในระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อป (Android, Mac, Windows, Linux) และช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับแอป Crypto-Native นับพัน อย่างไรก็ตาม แอปพลิเคชันมือถือยังคงเทียบกับคู่แข่งไม่ได้
แอปพลิเคชันมือถือ Trezor ปัจจุบันสำหรับ iOS อนุญาตให้ผู้ใช้ตรวจสอบยอดคงเหลือของ Crypto แต่ไม่ได้เปิดใช้งานการส่งหรือรับสินทรัพย์ Crypto แบบ Native สิ่งนี้แตกต่างอย่างมากกับ Ledger Live ซึ่งให้ความสามารถในการจัดการมือถือเต็มรูปแบบ แม้ว่าการเพิ่มการเชื่อมต่อ Bluetooth ใน Trezor Safe 7 ก็พอจะบอกได้ว่าการอัปเดตคที่ใกล้จะเกิดขึ้นกับ Trezor Suite นั้นจะรองรับการใช้กับมือถือได้อย่างเต็มรูปแบบ
เปิดตัวราคาสุดพรีเมียม (249 ดอลลาร์สหรัฐฯ)
ราคาพรีออเดอร์พรีเมียม 249 ดอลลาร์สร้างความคาดหวังที่สูงขึ้นสำหรับความเป็นเลิศทางฟังก์ชันการทำงานและสู้กับคู่แข่งเรื่องไร้สายได้ ในขณะที่ต้นทุนในการผลิตไม่ได้นับแค่เรื่องวัสดุอย่างเดียว แต่ต้นทุนในการวิจัยและการพัฒนา TROPIC01 SE ที่ออกแบบมาให้ตรวจสอบได้และโครงเครื่องอะลูมิเนียมแบบ Unibody
สถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น (Dual-SE, Quantum-Ready) และความสะดวกสบายไร้สาย ราคาที่สูงนี้ทำให้คนเริ่มมีความสงสัยว่ามันคุ้มค่าจริงไหมกับความปลอดภัยที่จะได้รับจาก Trezor Safe 7 สำหรับ Bitcoiner เพราะมีตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจในราคาที่ถูกกว่าเช่น Blockstream Jade Plus, Foundation Passport หรือ Coldcard เป็นต้น ในขณะที่คนที่เล่นฝั่ง Web 3 ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเก่งเท่ากับ Ledger หรือ รองรับเหรียญใหม่ๆ ได้ เท่ากับ Ledger ดังนั้น Trezor ยังต้องเร่งการปรับปรุงซอฟต์แวร์เพื่อให้ความสามารถในการทำงานของ Trezor Safe มีราคาที่สอดคล้องกับการวางตำแหน่งราคาที่หรูหราหมาเห่าแบบนี้ได้
คู่แข่งและกลยุทธ์ทางการตลาด
การเปิดตัว Trezor Safe 7 ได้กระตุ้นการแข่งขันในฮาร์ดแวร์วอลเล็ตอย่างมีนัยสำคัญโดยเปลี่ยนจุดเกมส์ให้คู่แข่งเข้ามาสู่ไปเกมส์ของตัวเอง คือ Secure Element Chip ที่เปิดเผย ตรวจสอบได้ แทนที่จะเชื่อ ในการับรองความปลอดภัยจากผู้อื่นแทน
Trezor เทียบกับ Ledger: การต่อสู้บนปรัชญาของความปลอดภัย
การตอบสนองเชิงกลยุทธ์ของ Ledger ต่อโมเดล Open-SE ของ TROPIC01
Ledger ซึ่งในอดีตพึ่งพา Secure Element แบบปิดซอร์สโค้ดที่ได้รับการรับรอง EAL 5+/6+ ถูกสั่นคลอนด้วยหลักคิดทางความปลอดภัยแบบ Open Source ซึ่งถูกท้าทายโดยตรงโดย TROPIC01 Secure Element รุ่นแรกตามแนวคิดของ Trezor ที่สนับสนุนการออกแบบที่เปิดเผยและตรวจสอบได้แทน สู้กับแนวคิดความปลอดภัยที่ต้องปกปิด และอาศัยบุคคลที่สามมารับรองความปลอดภัย
ด้วยกลยุทธนี้บังคับให้ Ledger ตัดสินใจว่าจะยังใช้โมเดลความปลอดภัยแบบความคลุมเครือ และมีผู้อื่นรับรอง หรืออาจพิจารณาการนำความโปร่งใสบางระดับมาใช้ในส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ของตนเองในรุ่นถัดไป
จุดยืนของ Ledger ที่เห็นได้ชัดคือการวิจารณ์การนำอุปกรณ์ที่ใช้ SE ของ Trezor ถึงแม้ว่า Ledger จะเคยยอมรับ Trezor Safe Line แก้ไขช่องโหว่หลักของรุ่นเก่า อย่าง Trezor Model One โดยการรวม SE เข้าไปใน Trezor Safe 3 กับ Trezor Safe 5
เปรียบเทียบคุณสมบัติของฮาร์ดแวร์วอลเล็ต
แม้จะมีความก้าวหน้าทางฮาร์ดแวร์และแนวคิดทางปรัชญาของ Trezor และ Ledger ที่มีความต่างกัน และเป็นผู้นำคนละแนวอย่างเห็นได้ชัย Ledger เป็นผู้นำในแง่ของฟังก์ชันการทำงานของ Web 3 Ecosystem แบบบูรณาการ Ledger Live รองรับการทำงาน Staking, การจัดการ NFT อย่าง Native แบบราบรื่น และความเข้ากันได้กับ Dapp ต่างๆอย่างง่ายดาย Ledger จึงยังคงมีความได้เปรียบในกลุ่มตลาดที่ให้ความสำคัญกับความง่ายในการใช้งาน, ฟังก์ชันการทำงานแบบ All-in-one, และความเข้ากันได้ของ Web3 ซึ่งผมคิดว่า ถ้า Trezor ยังคงยืนแนวคิดแบบนี้ในระยะยาวผมคิดว่า Trezor จะเป็นผู้นำมากกว่าสำหรับแนวคิด Open Source
Trezor เทียบกับ Coldcard/Bitcoin Maxis: ความซ้ำซ้อนและ Air-Gapped
การเปรียบเทียบกลยุทธ์ Dual-SE
แนวคิดของการใช้ Dual Secure Element นั้นไม่ได้มีเฉพาะใน Trezor เท่านั้น Coldcard ซึ่งเป็นวอลเล็ตที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจาก Bitcoiner ก็ใช้ระบบ Dual Secure Element มาจากผู้ผลิตที่แตกต่างกันสองราย (Microchip's ATECC608C และ Maxim's DS28C36B) เพื่อจัดเก็บ Master Secret ที่สำคัญ แนวทางนี้ช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นในเทคโนโลยีชิปของผู้ขายรายใดรายหนึ่ง 15
แนวทาง Dual-SE ของ Trezor (TROPIC01 Open + EAL6+ Certified) พยายามก้าวข้ามโมเดลของ Coldcard โดยการเปลี่ยนองค์ประกอบจากสองผู้ผลิตไปสู่การ Open Source เพื่อการตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ ความแตกต่างทางแนวคิดนี้—สร้าง Vector ใหม่สำหรับการแข่งขันในตลาดระดับสูง
ความสะดวกสบายไร้สายเทียบกับความปลอดภัยแบบ Air-Gapped
การเพิ่ม Bluetooth และฟังก์ชันไร้สายใน Safe 7 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนจากหลักการความปลอดภัยแบบ air-gapped ที่อุปกรณ์อย่าง Coldcard ยังคงยึดถือ Coldcard รักษาความปลอดภัยสูงสุดด้วยการใช้โมเดลการเซ็นธุรกรรมแบบ air-gapped (มักใช้ microSD การ์ดหรือ QR codes โดยใช้ USB เพื่อจ่ายไฟเท่านั้น) การออกแบบนี้ช่วยลดโอกาสการโจมตีจากระยะไกลหรือการโจมตีผ่าน supply chain
การที่ Trezor เลือกใช้ความสะดวกแบบไร้สายเป็นการตัดสินใจเชิงปฏิบัติที่มุ่งขยายตลาดเป้าหมายให้กว้างขึ้น ไปไกลกว่ากลุ่มที่เน้นความปลอดภัยระดับสูงสุด ผลเชิงกลยุทธ์จากการตัดสินใจนี้คือการแบ่งส่วนตลาด:
- Trezor - มุ่งเน้นการแข่งขันกับ Ledger ในตลาดกระแสหลักที่ต้องการความสะดวก
- Coldcard - ครองตลาดเฉพาะกลุ่มที่ต้องการ air-gapped และกลุ่ม "Bitcoin maximalist"
การเพิ่ม Bluetooth มาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่มองว่าการเชื่อมต่อด้วยสายเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ความสะดวกนี้แลกมาด้วยการเพิ่มช่องทางการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้ แม้โอกาสจะน้อยก็ตาม และพยายามอุดช่องโหว่ของ Bluetooth ด้วยการใช้ Trezor Host Protocol ในการเข้ารหัสแทนการเลือกใช้ Air-gapped
การเปรียบเทียบสถาปัตยกรรมความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์วอลเล็ต
| Model (รุ่น) | ปรัชญาความปลอดภัยหลัก | การนำ Secure Element มาใช้ | สถานะโอเพนซอร์ส | นวัตกรรมหลัก/ความแตกต่าง |
|---|---|---|---|---|
| Trezor Safe 7 | Hybrid Openness & Redundancy (ความเปิดกว้างแบบไฮบริดและความซ้ำซ้อน) | Dual-SE (TROPIC01 Auditable + EAL6+ Certified) (Dual-SE (TROPIC01 ตรวจสอบได้ + EAL6+ ได้รับการรับรอง)) | Fully Open Source (โอเพนซอร์สเต็มรูปแบบ) | World's first auditable SE; Wireless Connectivity (SE ที่ตรวจสอบได้ครั้งแรกของโลก; การเชื่อมต่อไร้สาย) |
| Ledger Stax/Flex | Certified Closed-Source Assurance (การรับประกันแบบปิดซอร์สที่ได้รับการรับรอง) | Single SE (EAL 5+/6+ Certified) (SE เดี่ยว (EAL 5+/6+ ได้รับการรับรอง)) | Closed-Source Hardware & Firmware (ฮาร์ดแวร์และเฟิร์มแวร์ปิดซอร์สโค้ด | Integrated Ledger Live Ecosystem; Native Staking/NFTs (Ecosystem Ledger Live แบบบูรณาการ; Native Staking/NFTs) |
| Coldcard Q/Mk4 | Maximum Air-Gapped Bitcoin Security (ความปลอดภัย Bitcoin แบบ Air-Gapped สูงสุด) | Dual-SE (Multi-Vendor Microchip & Maxim) (Dual-SE (Microchip และ Maxim จากหลายผู้ขาย)) | Fully Open Source (โอเพนซอร์สเต็มรูปแบบ) | Air-gapped Transaction Signing; Bitcoin-Only Focus (การลงนามในธุรกรรมแบบ Air-Gapped; เน้น Bitcoin เท่านั้น) |
การรับรู้ของตลาด
ปฏิกิริยาของชุมชนและการวิเคราะห์จากนักวิเคราะห์
ความคิดเห็นเบื้องต้นจากชุมชนคริปโตแสดงให้เห็นปฏิกิริยาที่หลากหลายแต่โดยรวมเป็นบวกต่อความก้าวหน้าทางเทคนิค โดยมีความตื่นเต้นอย่างชัดเจนเกี่ยวกับฟีเจอร์ไร้สายใหม่และความกล้าหาญในการตัดสินใจทางเทคโนโลยีของชิป TROPIC01 ชุมชนตระหนักดีว่าการนำ Secure Element แบบเปิดมาใช้เป็นก้าวสำคัญสู่การบรรลุความโปร่งใสของฮาร์ดแวร์อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม การที่ราคาพุ่งขึ้นอย่างมากมาอยู่ที่ $249 ก็ทำให้เกิดการวิพากวิจารณ์ทันที โดยตั้งคำถามว่าประโยชน์เพิ่มเติมจากฟีเจอร์ใหม่นั้นคุ้มค่ากับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ เมื่อเทียบกับรุ่น Trezor Safe 5 ที่มีราคา $169 นอกจากนี้ การวิเคราะห์ยังชี้ให้เห็นว่าการรายงานเชิงลึกจากนักวิเคราะห์และการประเมินปฏิกิริยาของตลาดโดยละเอียดยังคงไม่มีให้เห็นในช่วงแรกหลังการเปิดตัวมากนัก โดยรายงานจากสื่อเบื้องต้นมุ่งเน้นไปที่เนื้อหาข่าวประชาสัมพันธ์ของบริษัทที่เน้นย้ำถึงฟีเจอร์ "quantum-ready" และ Secure Element ที่สามารถตรวจสอบได้มากกว่า
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อตลาดระดับกลาง
การตั้งราคาระดับพรีเมียมของ Trezor Safe 7 สร้างโครงสร้างแบบหลายระดับภายในสายผลิตภัณฑ์ของ Trezor โดยจุดราคาที่สูงน่าจะทำให้ Safe 7 จำกัดอยู่แค่ลูกค้าองค์กร บุคคลที่มีสินทรัพย์สูง และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่ให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ความปลอดภัยเฉพาะอย่าง TROPIC01 และ Quantum Ready
การตั้งราคาเชิงกลยุทธ์นี้อาจส่งผลดีต่อ Trezor Safe 5 โดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจาก Safe 5 มีฟีเจอร์พรีเมียมหลายอย่าง รวมถึงหน้าจอสัมผัสสีและ Shamir Backup ในราคาที่ต่ำกว่ามาก Trezor อาจต้องจัดการการสื่อสารผลิตภัณฑ์อย่างดีเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับ Trezor Safe 7 ด้วยความสำเร็จทางด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ (Dual-SE, Wireless, Quantum-Ready) แทนที่จะแย่งยอดขายจาก Trezor Safe 5 ที่กลายเป็น ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตระดับกลางหลังจากการเปิดตัวของ Trezor Safe 7 ซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ขั้นสูงส่วนใหญ่ได้แล้วโดยไม่ต้องจ่ายราคาระดับหรูหรา
บทสรุปเชิงกลยุทธ์และอนาคตของฮาร์แวร์วอลเล็ต
ภาพรวมของ Trezor Safe 7 และการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์
Trezor Safe 7 เป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่สำคัญยิ่ง แสดงถึงการดำเนินกลยุทธ์ทีผ่านการวางแผนอย่างมีวิสัยทัศน์และมีเดิมพันสูง อุปกรณ์นี้ถ้าประสบความสำเร็จจะแก้ไขจุดอ่อนสำคัญสองประการของ Trezor:
- จุดอ่อนที่ได้รับการแก้ไข:
- ความจำเป็นในการป้องกันการงัดแงะทางกายภาพเพื่อปกป้อง seed → แก้ไขด้วยระบบ Dual-SE
- ความเสียเปรียบด้านการใช้งานเมื่อเทียบกับ Ledger → แก้ไขด้วยการเชื่อมต่อไร้สายและฮาร์ดแวร์หน้าจอที่เหนือกว่า
- การนิยามมาตรฐานใหม่: การนำ TROPIC01 มาใช้ Trezor ไม่ได้แค่แข่งขันในกรอบเดิม แต่พยายามนิยามมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่สำหรับความน่าเชื่อถือด้านความปลอดภัยฮาร์ดแวร์ หากการตรวจสอบสาธารณะของ TROPIC01 ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตามที่ออกแบบไว้ จะเปลี่ยนกระบวนทัศน์พื้นฐานของอุตสาหกรรมจาก "ระบบปิดและใช้วิธีรับการรับรอง" เป็น "ตรวจสอบได้และเปิดเผย"
- ความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์: การเคลื่อนไหวทางสถาปัตยกรรมนี้เป็นแผนการที่ดีที่จะทำให้ Trezor สามารถท้าทายการครองตลาดของ Ledger บนพื้นฐานของความน่าเชื่อถือที่ตรวจสอบได้ ขณะเดียวกันก็ใช้ชิป EAL6+ ตัวที่สองเป็นเกราะป้องกันการวิพากษ์วิจารณ์ด้านความปลอดภัยที่ได้รับการรับรองในทันที
อนาคตมาตรฐานความปลอดภัยกระเป๋าฮาร์ดแวร์
การเปิดตัว TROPIC01 สู่ตลาดคาดว่าจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงแบบถาวรในภาพรวมด้านความปลอดภัยฮาร์ดแวร์ ความแบ่งขั้วแบบเดิมระหว่างความปลอดภัย MCU แบบโอเพ่นซอร์สล้วนกับความปลอดภัย SE แบบปิดได้ถูกแทนที่ด้วยการเกิดขึ้นของฮาร์ดแวร์ที่ตรวจสอบได้ (Auditable Hardware)
หาก TROPIC01 ผ่านการตรวจสอบสาธารณะอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องจากหน่วยงานชุมชนได้สำเร็จ จะสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับความน่าเชื่อถือที่ตรวจสอบได้ ความสำเร็จนี้จะสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อคู่แข่ง โดยเฉพาะ Ledger ให้ต้องเพิ่มความโปร่งใสของชิปความปลอดภัยของตนเอง มิฉะนั้นจะเสี่ยงต่อการสูญเสียตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือที่สำคัญให้กับ Trezor แต่ในทางกลับกันถ้ามุมมองของ TROPIC01 เป็นตัวแรกที่ Trezor ได้ทดลองใช้ Model นี้ หากผู้ใช้ยังกังวลผลลัพธ์ที่ยังไม่เกิดอาจรอเป็น TROPIC02 ในเวอร์ชั่นถัดไปแทนซื่งอาจต้องรอมากกว่า 5 ปี ก็เป็นไปได้
นวัตกรรมของใน Trezor Safe 7 บ่งชี้ว่ากระเป๋าฮาร์ดแวร์ระดับสูงรุ่นต่อๆ ไปจะถูกตัดสินไม่เพียงแค่จากระดับการรับรองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเปิดเผยและความสามารถในการตรวจสอบของชิ้นส่วนเข้ารหัส ซึ่งจะบังคับให้ทั้งอุตสาหกรรมต้องมุ่งสู่ความโปร่งใสมากขึ้น
