คู่มือการเลือก Network สำหรับมือใหม่ ไม่ให้เหรียญหาย! ปี 2025

คู่มือการเลือก Network สำหรับมือใหม่ ไม่ให้เหรียญหาย! ปี 2025

 ทำไมจึงต้องเลือก Network?

เมื่อโอนสินทรัพย์ดิจิทัลออกจาก Exchange ผู้ใช้งานจะต้องเลือก Network (เครือข่าย Blockchain) ที่ต้องการใช้ในการส่ง Network หมายถึงระบบ Blockchain ที่สินทรัพย์ดิจิทัลจะส่งผ่าน โดยแต่ละ Network จะมีกฎเกณฑ์ ค่าธรรมเนียม และความเร็วในการทำธุรกรรมที่แตกต่างกัน

การเลือก Network เปรียบเสมือนการเลือกบริษัทขนส่งพัสดุ หากเลือกผิดพัสดุ(สินทรัพย์)อาจไม่ถึงปลายทางที่ต้องการหรือสูญหายถาวร

สาเหตุที่มีหลาย Network

  • การรองรับหลาก Blockchain - สินทรัพย์ดิจิทัลชิ้นเดียวกันสามารถทำงานในหลาย Blockchain ได้
  • โครงสร้างค่าธรรมเนียมต่างกัน - แต่ละ Network มีต้นทุนการดำเนินงานที่แตกต่างกัน
  • ความเร็วในการประมวลผลแตกต่าง - เวลาในการยืนยันธุรกรรมไม่เหมือนกัน ใช้การยืนยันบล๊อคที่ต่างกัน

หลักการสำคัญ: หากต้องการส่งเหรียญต้องกำหนด Network ปลายทางให้ถูกต้องตามความต้องการ เช่น หากเราต้องการรับโอนเหรียญ ADA บน Cardano Network ปลายทางจะต้องเลือก Cardano Network และนำ Address ของ Cardano Network มาใช้รับเหรียญจากต้นทางเท่านั้น

 

Native Network และ Network อื่น คืออะไร?

Native Network (Native Token)

Blockchain ที่สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นถูกพัฒนาและเปิดตัวครั้งแรก เป็นระบบเครือข่ายดั้งเดิมของสินทรัพย์ โดยสินทรัพย์จะดำเนินงานภายใต้กฎเกณฑ์และกลไกรักษาความปลอดภัยของ Blockchain นั้นโดยตรง

การเลือกใช้ Network หลักเปรียบเสมือนการเก็บสินทรัพย์ไว้ในสถาบันการเงินหลัก ไม่ใช่สาขาหรือตัวแทน

 

Network อื่น (Wrapped Token)

สินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกนำไปใช้งานบน Blockchain อื่น ผ่านกระบวน Wrapping โดย Native Token จะถูกล็อกไว้ และมีการออก(Mint) โทเค็นใหม่ที่แทนค่าใน Blockchain ปลายทาง เมื่อต้องการ Native Token ฉบับกลับคืนมา จำเป็นต้องผ่านกระบวนการ Unwrapping อีกครั้ง

การใช้ Network รองเปรียบเสมือนการใช้บริการผ่านตัวแทนหรือตัวกลาง ซึ่งอาจมีความเสี่ยงเพิ่มเติม


คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น

แนวทางปฏิบัติที่ควรทำ

  • เริ่มต้นด้วยการใช้ Network หลักเท่านั้น
  • ทดสอบการส่งด้วยจำนวนเล็กก่อน (100-500 บาท)
  • ตรวจสอบข้อมูลซ้ำ 3 ครั้ง: Address, Network, จำนวน
  • อ่านคำเตือนและแนวทางของ Exchange อย่างละเอียด

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

  • หลีกเลี่ยงการเลือก Network เพียงเพราะค่าธรรมเนียมต่ำ
  • หลีกเลี่ยงการรีบร้อนในการทำธุรกรรม
  • หลีกเลี่ยงการคาดเดาหากไม่แน่ใจ
  • หลีกเลี่ยงการข้ามขั้นตอนการทดสอบ


วิธีการระบุ Network ที่เหมาะสม

การตรวจสอบผ่าน CoinMarketCap

  • ค้นหาเหรียญที่ต้องการตรวจสอบ
  • ค้นหาส่วน "Contracts" ตัวอย่าง เช่น SUI มี Native Network(Contract) คือ SUI หรือ ADA มี Native Network คือ Cardano

การตรวจสอบใน Exchange

  • เข้าสู่หน้า Withdraw ของสินทรัพย์นั้น
  • ศึกษา Network ที่มีให้เลือก
  • อ่านคำเตือนและข้อมูลที่ Exchange ระบุไว้
  • เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของแต่ละ Network


การตรวจสอบ Wallet ปลายทาง

  • ยืนยันว่า Wallet รองรับ Network ใด
  • Hardware Wallet มักรองรับหลาย Network
  • Software Wallet อาจมีข้อจำกัดในการรองรับ

 

หลักการสำคัญ: หากต้องการส่งเหรียญต้องกำหนด Network ปลายทางให้ถูกต้องตามความต้องการ เช่น หากเราต้องการรับโอนเหรียญ ADA บน Cardano Network ปลายทางจะต้องเลือก Cardano Network และนำ Address ของ Cardano Network มาใช้รับเหรียญจากต้นทางเท่านั้น

 

สินทรัพย์ดิจิทัลยอดนิยมและ Network ที่แนะนำ

สินทรัพย์ที่มี Network เดียว

สินทรัพย์

Network

หมายเหตุ

Bitcoin (BTC)

Bitcoin

Network เดียวเท่านั้น

Dogecoin (DOGE)

Dogecoin

Network เดียวเท่านั้น


สินทรัพย์หลักที่มีหลาก Network

สินทรัพย์

Network หลัก

Ethereum (ETH)

Ethereum

BNB

BSC

Cardano (ADA)

Cardano

Solana (SOL)

Solana

Polkadot (DOT)

Polkadot

Avalanche (AVAX)

Avalanche

Polygon (MATIC)

Polygon

Cosmos (ATOM)

Cosmos


Altcoins

สินทรัพย์

Network หลัก

Terra Luna (LUNA)

Terra 2.0

Terra Classic (LUNC)

Terra Classic

Near (NEAR)

Near Protocol

Fantom (FTM)

Fantom

Harmony (ONE)

Harmony

Aptos (APT)

Aptos


DeFi Tokens

สินทรัพย์

Network หลัก

Uniswap (UNI)

Ethereum

PancakeSwap (CAKE)

BSC

Aave (AAVE)

Ethereum

Compound (COMP)

Ethereum


Meme Coins

สินทรัพย์

Network หลัก

Shiba Inu (SHIB)

Ethereum

Pepe (PEPE)

Ethereum

Bonk (BONK)

Solana


Stablecoins 

การเลือก Network ของ USDT แล้วแต่จุดประสงค์ของผู้ใช้งาน จะเห็นได้ว่ามีหลาย Network ให้เลือก ที่สำคัญต้องเลือก Address ปลายทางให้ถูกต้องกับเป้าหมายที่จะโอนเหรียญ เช่น ต้องการโอน USDT ไปที่ Solana Network ซึ่ง Wallet address ที่ใช้ก็ต้องเป็น Solana address เท่านั้น และอย่าลืมโอนค่าธรรมเนียมของแต่ละ Netwok ไปด้วย เช่น Sol เป็นต้น

การเก็บรักษาระยะยาวสำหรับผู้เริ่มต้น

เหตุผลที่ควรใช้ Network หลัก

การเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลใน Network ที่สินทรัพย์นั้นถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรก ทำให้สินทรัพย์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยและเสถียรภาพสูงสุด โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบกลางหรือกระบวนการแปลงใดๆ

การเก็บใน Network หลักเปรียบเสมือนการฝากเงินไว้ในธนาคารหลัก มิใช่สาขาหรือตัวแทน

  • ไม่พึ่งพากระบวนการ Bridge (ไม่มีจุดเสี่ยงเพิ่มเติม)
  • เป็นเจ้าของสินทรัพย์โดยตรง (ไม่ใช่ใบรับรอง Wrap token)


ความเสี่ยงของ Network อื่น ๆ

Network อื่น ๆ มีความเสี่ยงจากกระบวนการ Bridge (การเชื่อมต่อระหว่าง Blockchain) ที่อาจถูกโจมตีไซเบอร์ ทำให้สินทรัพย์ที่ถูก "Wrap" กลายเป็นไร้ค่า เนื่องจากสินทรัพย์ต้นฉบับที่ถูกล็อกไว้อาจถูกขโมยหรือเข้าถึงไม่ได้

การใช้ Network อื่น ๆ เปรียบเสมือนการเก็บเงินผ่านตัวแทน หากตัวแทนประสบปัญหา สินทรัพย์อาจสูญหายไปด้วย

สถิติ: การโจมตี Bridge คิดเป็น 69% ของการโจมตีทั้งหมด
มูลค่าความเสียหาย: มากกว่า 2 พันล้าน USD (2022-2024)
อัตราการกู้คืน: น้อยกว่า 20%


แนวทางการเก็บรักษา

การเก็บระยะยาว

✅ แนะนำ: BTC → Bitcoin Address

✅ แนะนำ: ETH → Ethereum Address  

✅ แนะนำ: ADA → Cardano Address

❌ ไม่แนะนำ: BTC → BSC (WBTC)

❌ ไม่แนะนำ: ETH → BSC (ETH, BEP-20)

 

การใช้งาน DeFi

Network หลัก → Bridge → Network รอง → ใช้งาน → Bridge กลับ

 

สถานการณ์จริงและแนวทางแก้ไข

สถานการณ์ที่ 1: โอน Bitcoin ไป Hardware Wallet

แนะนำ: Bitcoin Network
เหตุผล: มีเพียง Network เดียว, ความปลอดภัยสูงสุด

สถานการณ์ที่ 2: โอน USDT เพื่อใช้ใน DeFi

แนะนำ: แล้วแต่จุดประสงค์ของการใช้งาน ไม่สามารถแนะนำ Network ได้

สถานการณ์ที่ 3: โอน Ethereum เพื่อเก็บระยะยาว

แนะนำ: Ethereum Network
เหตุผล: เป็น Native Chain

สถานการณ์ที่ 4: ไม่แน่ใจในการเลือก

แนวทางแก้ไข:

  • ค้นหาข้อมูลจาก "[ชื่อสินทรัพย์] official website"

  • ตรวจสอบข้อมูลใน CoinMarketCap

  • ทดสอบด้วยจำนวนเล็กก่อน


ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและการป้องกัน

ข้อผิดพลาดร้ายแรง

  • การส่งไปยัง Network ที่ผิด อาจทำให้สินทรัพย์สูญหายหรือยากต่อการกู้คืน
  • Address ที่ผิด หมายถึง ส่งไปยังผู้รับผู้อื่น ไม่สามารถเรียกคืนได้
  • การไม่ทดสอบ หมายถึง เสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนมากในครั้งแรก

แนวทางป้องกัน

ก่อนการยืนยันธุรกรรม

  • ตรวจสอบ Address อีกครั้ง
  • ตรวจสอบ Network อีกครั้ง
  • ตรวจสอบจำนวนสินทรัพย์อีกครั้ง
  • พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนยืนยัน

หลังการส่งธุรกรรม

  • เก็บรักษา Transaction ID
  • รอการยืนยันให้ครบถ้วน
  • ตรวจสอบยอดเงินที่ปลายทาง


สรุป: หลักการสำคัญ 3 ข้อ

1. ความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

ผู้เริ่มต้นควรเลือก Network หลักเสมอ ความปลอดภัยมีความสำคัญมากกว่าการประหยัดค่าธรรมเนียม

2. ทดสอบด้วยจำนวนเล็กก่อน

ทำการทดสอบด้วยจำนวนเล็กก่อนเสมอ โอน 100-500 บาทก่อน หากสำเร็จจึงส่งจำนวนที่ต้องการ

3. เมื่อสงสัย ให้สอบถาม

หากไม่แน่ใจ ไม่ควรคาดเดา สอบถามจาก Community หรือสอบถาม Bitcast ได้เลยครับ หรือเลือก Network หลัก

กลับไปยังบล็อก

แสดงความคิดเห็น

โปรดทราบว่าความคิดเห็นจะต้องได้รับการอนุมัติก่อนที่จะได้รับการเผยแพร่