เปรียบเทียบ Hardware Wallet ตอนที่ 1

เปรียบเทียบ Hardware Wallet ตอนที่ 1

ตอนที่ผมคิดที่จะเปรียบเทียบ Hardware Wallet ผมก็หาทางคิดอยู่นะว่าจะทำยังไงที่เราจะเปรียบเทียบโดยที่ไม่ทำให้รุ่นใดรุ่นหนึ่งเสียเปรียบ พิจารณาจากความเป็นจริงและตัดเอาความลำเอียงออกไปให้ได้ จากบทความที่แล้วที่ผมพูดถึง Trezor Safe 3 ถ้าใครยังไม่ได้อ่านผมแนะนำให้เข้าไปอ่านนะครับ ส่วนตัวผมเองผมก็กังวลว่าจะมีความลำเอียงไปที่ Trezor Safe 3 

กลุ่มผู้ใช้ในการเปรียบเทียบ Hardware Wallet

ผมคิดอยู่เสมอว่า คำว่าดีของเราอาจจะไม่ดีเท่าของคนอื่นก็ได้ ดังนั้นผมจึงพยายามแยกคนใช้ออกมาเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน โดยวันนี้จะเป็นกลุ่มแรก ที่มีลักษณะการใช้ชีวิตที่ไม่อยากจะพกพา Hardware Wallet มากนัก และมักจะใช้มันเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ที่บ้าน หรืออาจจะเป็น คอมพิวเตอร์พกพา ไม่เน้นการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ ส่วนอีก 2 กลุ่มถัดไปผมจะขอเขียนแยกอีกครั้งนึง สำหรับในบทความนี้ผมขอเป็นสายใช้กับคอมพิวเตอร์ที่บ้านก่อน


Hardware Wallet รุ่นที่ผมนำมาเปรียบเทียบ


สำหรับรุ่นที่ขึ้นชกในบทความนี้จะมี Trezor ทั้งสามรุ่นได้แก่ Trezor One, Trezor Model T และรุ่นล่าสุดอย่าง Trezor Safe 3 ถัดมาจะเป็น คู่แข่งที่แสนยาวนานของ​ Trezor นั่นก็คือ Ledger Nano S Plus (Ledger Nano S ไม่มีขายแล้วนะครับ) อีกตัวนึงที่น่าสนใจทีเดียว เล็กกระทัดรัด และใช้งานได้ครบอยู่นะ คือ  BitBox02 จิ๋วแต่แจ๋วอยู่นะครับ ไม่ธรรมดาเลย ส่วนตัวสุดท้ายน้องใหม่อย่าง OneKey Mini ที่เอาพื้นฐานของ Trezor มาพัฒนาต่อเนื่องจาก Trezor Open Source แบบหมดเปลือก ผมตัดเอาตัว KeepKey ออกจาก List นะครับ เนื่องจากรายละเอียดของ Hardware น้อยมาก และไม่มีทีท่าว่าจะอัพเดตหรือมีอะไรต่อ ดูจากทรงแล้วน่าจะไม่ได้ไปต่อแล้ว เลยตัดออกเลย ส่วนรุ่นอื่น ๆ เดี๋ยวรอผู้ใช้กลุ่มอื่นนะครับ เพราะว่าที่เหลือส่วนใหญ่ก็จะสามารถใช้กับมือถือได้สำหรับ ในบทความนี้ก็มีรุ่นที่จะเอามาเปรียบเทียบประมาณนี้ครับ

 

หัวข้อในการเปรียบเทียบ Hardware Wallet

หัวข้อที่ผมนำมาพิจารณาในการให้คะแนนจะมีดังนี้

  1. Price เรื่องราคาผมเอามาเปรียบเทียบกันโดยเรียงลำดับแพงสุดไปจนถึงถูกสุด ไม่ได้ใช้ความรู้สึกในการตัดสินเลยเอาเรียงลำดับถูกไปแพงเพราะในเรื่องของความคุ้มค่ามันอาจจะต้องเอาไปพิจารณาร่วมกันกับคุณสมบัติข้ออื่น ๆ ที่เหลือ
  2. Secure Element Chip  คือการออกแบบที่ทำให้ Hardware Wallet ปลอดภัยมากขึ้น โดยหน้าที่ของ Secure Element Chip มีไว้สำหรับเก็บข้อมูลที่เป็นความลับมาก ๆ ซึ่งโดยทั่วไปก็จะเก็บ Seed Phrase หรือ Master Private Key นั่นเอง 
  3. Open Source ถัดมาจะเป็นเรื่องของ Source Code ที่พัฒนาตัว Hardware Wallet ว่าเปิดเผยให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้หรือไม่ เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสและทุกคนสามารถร่วมกันตรวจสอบ Source Code ของ Hardware Wallet นั้นได้ 
  4. Communication หัวข้อถัดมาจะเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Hardware Wallet ว่าเราใช้วิธีการไหนในการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับ Hardware Wallet
  5. FIDO U2F หัวข้อนี้เป็นเรื่องของการที่อุปกรณ์ Hardware Wallet สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการยืนยันตัวบุคคลขั้นที่ 2 หรือที่เราเรียกกันว่า 2FA เอาไว้หัวข้อที่ผมจะมาอธิบายให้ฟังอีกทีนึง 
  6.  Backup ในหัวข้อนี้จะพูดถึงเรื่องของการที่เราสามารถที่จะ Backup และ Restore หรือ Recovery ตัว Seed Phrase ของเราขึ้นมาได้ โดยที่เทคนิคในการ Backup ก็จะมีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป
  7.  DApp หัวข้อนี้ประเมินในส่วนของคนที่มีความประสงค์จะใช้เชื่อมต่อกับ DApp อย่างพวกสายฟาร์ม หรือสาย Stake ถ้าใครที่เป็นสาย Bitcoiner อาจจะต้องตัดเอาหัวข้อนี้ออกไป 
  8. Support Coin หมายถึงตัว Hardware Wallet มีความสามารถในการที่จะรองรับเหรียญที่เป็น Chain ใหม่ ๆ ซึ่งถ้าใครเป็นสาย Bitcoiner ก็อาจจะต้องตัดหัวข้อนี้ออกไป

เปรียบเทียบราคา Hardware Wallet

สำหรับยกแรกที่ผมจะเปรียบเทียบคือเรื่องของ ราคา ผมต้องบอกว่าราคานี้เป็นราคาประมาณนะครับ โดยที่ปัจจัยที่ผมเอามาคิดจะมีเรื่องภาษีนำเข้า 10% แล้วก็จะมีเรื่องของ vat อีก 7% ถ้าในกรณีที่บริษัทจะนำเข้ามาขายแต่ถ้าในกรณีที่เพื่อนๆจะซื้อตรงจากเว็บไซต์ของผู้ผลิตเองจะต้องคิดภาษีนำเข้า 10% บวกกับค่าขนส่งอีกประมาณ 600 บาทยกเว้นในกรณีที่เพื่อนๆสั่งซื้อเป็นช่วงเวลาที่เขาไม่คิดค่าส่ง  ผมพอจะประมาณราคาได้คร่าวๆประมาณนี้ครับ

รุ่น

ช่วงราคา (ราคาประมาณเท่านั้น)

Trezor Safe 3

3,400-3,700

Trezor One

 2,700-2,900

OneKey Mini

2,700-2,900

Ledger Nano S Plus

3,400-3,700

Trezor Model T

7,500-8,500

BitBox02

5,500 -6,500

 

 

ยกแรกรุ่นที่มีราคาต่ำที่สุดก็คือ Trezor One กับ OneKey Mini ทำให้ยกนี้ 2 รุ่นนี้ได้คะแนนเต็ม ส่วนรุ่นที่ได้ 4 คะแนนจาก 5 จะมี Trezor Safe 3 กับ Ledger Nano S Plus ส่วนรุ่นที่ได้คะแนน 3 ก็คือตัว BitBox02 และรุ่นที่ได้คะแนนห่วยสุดก็คือ Trezor Model T แพง เป็นรุ่นที่แพงที่สุดในกลุ่ม สำหรับใครที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องราคาก็อาจจะตัดปัจจัยนี้ในการพิจารณาออกไปได้นะครับ
 

Compare Hardware Wallet Price

 

เปรียบเทียบ Secure Element Chip ในฮาร์ดแวร์ wallet

สำหรับในยกนี้มีอยู่แค่ 2 รุ่นที่ได้ 3 คะแนนที่เหลือไม่ว่าจะเป็น Trezor Safe 3, OneKey Mini, Ledger Nano S Plus และ  BitBox02 ได้คะแนน 5 เต็ม  ทั้งนี้เพราะมี Secure Element Chip  จะมีมีอยู่แค่ 2 รุ่นที่ไม่มี Secure Element Chip ก็คือ Trezor One กับ Trezor Model T แต่ 2 รุ่นนี้ผมก็ยังให้ 3 คะแนน เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มี Secure Element Chip เรายังสามารถใช้ Passphrase ในการปกป้องฮาร์ดแวร์ของเราได้ ในกรณีที่ถูกขโมยหรือเราทำหาย Passphrase ยังพอทำให้เรามีเวลาที่จะ Recovery Seed แล้วดึงเอา Bitcoin  ของเราออกมาทั้งหมด ยกเว้นแต่ว่า Passphrase ของเราตั้งไว้อ่อนมาก ๆ แล้วความสามารถของคนที่ได้ Hardware Wallet เราไปมีทักษะในการ Crack สูงมาก ทำให้ใช้เวลาในการสุ่มเอา Passphrase ออกมาได้รวดเร็วกว่าเรา Recovery Seed 

 

เปรียบเทียบ Secure Element Chip ใน Hardware Wallet

 

ส่วนเรื่อของ PIN ไม่ต้องพูดถึงถ้า PIN ไม่ได้เก็บไว้ใน Secure Element Chipใช้เวลาในการเดาสุ่มแป๊บเดียว ผมแนบตารางตัว Secure Element Chip มาให้ดูด้วย ว่า Hardware Wallet ในแต่ละรุ่นใช้ชิปรุ่นไหน ส่วนรายชื่อรุ่นของ Trezor One กับ Trezor Model T จะไม่ใช่รุ่นของ Secure Element Chip จะเป็นรุ่นของ MCU ที่ใช้ในการประมวลผลเท่านั้นเอง  (*เครดิตคุณกานนิดนึงครับมาช่วยผมใส่ข้อมูลเรื่อง Chip Model)

 

รุ่น

Chip Model

Trezor Safe 3

TRZ32F429IBGA124

Trezor One

STM32F205RE (MCU)

OneKey Mini

ATECC608A

Ledger Nano S Plus

STM32F042K6U6

Trezor Model T

STM32F427VIT6 (MCU)

BitBox02

ATECC608B (MCU), ATSAMD51J20A

 

เปรียบเทียบ source Code ของฮาร์ดแวร์ wallet แต่ละรุ่น

สำหรับยกที่สาม ผมพูดถึงเรื่องของการเปิดเผย Source Code ของฮาร์ดแวร์ในแต่ละรุ่น ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า Trezor เปิดเผย Source Code มาตั้งแต่ต้น ผมว่าทุกคนคงไม่มีข้อสงสัยถ้าผมจะให้เลเซอร์ทั้ง 3 รุ่นได้คะแนนเต็ม 5 ไล่มาตั้งแต่ Trezor One, Trezor Model T และรุ่นล่าสุด Trezor Safe 3 ส่วนรุ่นที่ได้คะแนนรองลงมามี 2 รุ่นก็คือ OneKey Mini และ BitBox02 จริงๆ 2 รุ่นนี้ ถ้าใครที่ติดตามผมจะรู้ว่าผมเป็นผู้นำเข้าบัญชีอย่างเป็นทางการ สาเหตุหนึ่งที่ผมค่อนข้างโอเคกับวันคีย์เป็นเพราะว่า โดยพื้นฐานของมันพัฒนาต่อมาจาก Trezor แล้วก็เปิดเผย Source Code เหมือน Trezor แต่ระดับของการเปิดเผย Source Code 2 รุ่นนี้ไม่เท่า Trezor ครับ 

Trezor เปิดเผย Source Code ไปจนถึงขั้นการออกแบบแผงวงจร 2 รุ่นนี้ OneKey Mini และ BitBox02 ไม่ได้เปิดเผยเรื่องของการออกแบบแผนวงจรครับ ผมจึงมีความจำเป็นจะต้องตัดคะแนน 2 รุ่นนี้ออกไปให้เหลือแค่ 4 คะแนนจากเต็ม 5  ส่วนรุ่นสุดท้ายไม่ต้องพูดถึงครับ Ledger Nano S Plus ทาง Ledger เปิดเผย Source Code  แค่ตัว Ledger Live เท่านั้น ซึ่งมันคือซอฟต์แวร์ที่ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Ledger Nano S Plus  แต่ไม่ได้เปิดเผย Source Code ของ Firmware ผมเข้าไปดู Github ของ Ledger  เขาเปิดเผยเฉพาะ Firmware ของรุ่นเก่าเท่านั้น ซึ่งจะมี Ledger Nano S กับ Ledger Blue  ดังนั้นในหัวข้อนี้ผมจึงให้คะแนน Ledger Nano S Plus แค่ 2 เท่านั้น

 Compare Hardware Wallet Source Code

 

เปรียบเทียบการเชื่อมต่อของฮาร์ดแวร์ wallet แต่ละรุ่น

ในยกที่สี่ ตอนแรกที่ผมคิดขึ้นมา มันจะมีความสำคัญมาก ๆ ถ้าเปรียบเทียบระหว่างรุ่นที่เชื่อมต่อแบบไร้สายกับมีสายแต่พอผมแยกกลุ่มผู้ใช้เป็นกลุ่มผู้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ แล้วก็เป็นลักษณะของกลุ่มผู้ใช้งานกับมือถือเป็นหลักทำให้หัวข้อนี้คะแนนของกลุ่มนี้ก็แทบจะไม่ได้แตกต่างกันมาก ผมดูแล้วก็จะมีความแตกต่างแค่รุ่นเดียวที่ผมให้คะแนน 4 คะแนน ก็คือ Trezor One สาเหตุที่ผมให้คะแนน Trezor แค่ 4 คะแนนมีอยู่นิดเดียวครับ คือเรื่องของ Interface ที่เป็น Mini USB

ปัจจุบันรุ่นอื่น Trezor Safe 3, OneKey Mini, Ledger Nano S Plus, Trezor Model T และ BitBox02 พวกนี้ใช้ USB-C กันหมดแล้ว

Compare Hardware Wallet Communication Channel 

เปรียบเทียบกันใช้งาน Hardware Wallet

สำหรับยกที่ห้านี้ ผมจะพูดถึงเรื่องของการออกแบบการใช้งาน ซึ่งหลักๆส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องของการวางปุ่มกดแล้วก็การแสดงผล สำหรับหัวข้อนี้ผมคิดว่ามันค่อนข้างยากนิดนึงเพราะใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการให้คะแนนเพื่อน ๆ อาจจะลองไปตั้งเกณฑ์ของตัวเองก็ได้นะครับ ในหมวดนี้ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดผมให้ 

Trezor Safe 3 กับ BitBox02 สาเหตุที่ผมให้ 2 รุ่นนี้ได้คะแนน 5 เต็ม เพราะเรื่องของวัสดุที่ใช้ใน Trezor Safe 3 และการวาง layout ปุ่มกดแบบที่ผมชอบใน Trezor One  หน้าจอก็เพียงพอในการใช้งาน ส่วน BitBox02 จริง ๆ ผมก็มีติดอยู่นิดหน่อยแต่ไม่ได้คิดจะตัดคะแนนก็คือเรื่องของการที่มันจะต้องไปเสียบกับคอม รุ่นนี้ไม่มีสายมันจะยากสำหรับใครบางคนแต่สำหรับผมไม่ติดประเด็น และที่ผมให้คะแนนสูงเพราะประสบการณ์ในการใช้งานดูตื่นเต้นดี มันไม่มีปุ่มให้เห็นแต่เป็นลักษณะของการใช้สัมผัสในการแตะและถู เล็กกระทัดรัดดีครับ ส่วน Trezor One, OneKey Mini และ Ledger Nano S Plus หลักๆเลยจะเป็นเรื่องของวัสดุครับ ใน 3 รุ่นนี้ที่ได้คะแนน 4 คะแนนมี OneKey Mini ที่มีจอเป็นจอสี จะรุ่นอื่นเป็นจอขาวดำ อย่างอื่นผมก็ไม่เห็นปัญหาอะไร แต่รุ่นที่ได้คะแนนต่ำสุดอย่าง Trezor Model T คือมันไม่มีปุ่มครับ มันออกแบบมาเป็นแบบจอสัมผัส แต่จอสัมผัสของมันไม่ได้ใหญ่มาก ทำให้นิ้วใหญ่ๆของผมใช้งานยากมากๆ แต่ต้องบอกว่าวัสดุของรุ่นนี้ดีนะครับ

Compare Hardware Wallet Interface

 

เปรียบเทียบ FIDO U2F ใน Hardware Wallet

ก่อนที่จะไปพูดถึงเรื่องคะแนนในยกที่หก ผมอยากเล่าให้เพื่อน ๆ ทุกคนเข้าใจก่อนว่า FIDO U2F คืออะไร 

FIDO เป็นกลุ่มของบริษัทที่จับมือกันร่วมพัฒนามาตรฐานการยืนยันตัวบุคคลชั้นที่ 2 หรือที่เราเรียกว่า 2FA (2 Factor Authentication) นั่นเอง ซึ่งมาตรฐานนี้ ทางกลุ่มฟีโด้ตั้งชื่อว่า Universal 2nd Factor Authentication (U2F) ซึ่งถ้าใครเคยใช้ Google Authentication คือมาตรฐานนี้มันทำงานคล้ายกับ Google Authentication  แค่เราไม่ต้องมาดูว่าเลขที่มันเปลี่ยนไปมันคืออะไรเราแค่เสียบอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐานนี้แล้วก็กดปุ่ม ยืนยัน เราก็สามารถยืนยันตัวเราได้ด้วยอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน FIDO แล้ว ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้ว่ามี Application ไหนที่รองรับการใช้งานนี้บ้างที่ลิงค์นี้ครับ  ส่วนใครที่สนใจอุปกรณ์พวกนี้ผมมีอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์สำหรับยืนยันตัวบุคคลโดยเฉพาะชื่อว่า unikey  มี 2 รุ่นให้ท่านเลือกนะครับถ้าหากว่าท่านไหนสนใจ

สำหรับหัวข้อ FIDO U2F ในกลุ่มนี้เทียบได้ไม่ยากเลย สาเหตุเพราะว่าเป็น Hardware Wallet ที่ใช้สายในการเสียบเชื่อมต่อเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่อุปกรณ์ที่เป็นลักษณะของ FIDO U2F ก็จะใช้การเสียบเป็นหลัก ในหมวดนี้ทุกรายทุกรุ่นได้คะแนนเต็มหมดครับ เย้ ๆ ๆ ๆ  ๆ

Compare Hardware Wallet FIDO U2F 

 

เปรียบเทียบเรื่องการ Backup ในฮาร์ดแวร์ wallet

สำหรับในยกที่เจ็ด เพื่อน ๆ อาจจะงงว่า เอ๊ะ มันก็ใช้ Recovery Seed ก็จบแล้วนี่ทำไมจะต้องเอามาเปรียบเทียบกันด้วย สาเหตุเพราะว่าในเรื่องของการเปรียบเทียบการ Backup มันมีรายละเอียดมากกว่า Seed ที่ใช้ Backup เท่านั้น

ในการ Backup ถ้าเพื่อนๆสังเกตเห็น ที่ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มจะเป็น ตระกูล Trezor เกือบทั้งตระกูล จะมี Trezor Safe 3 กับ Trezor Model T เท่านั้นที่มีการ Backup แบบขั้นเทพ เรียกว่า Shamir Backup สิ่งนี้คืออะไรผมเคยอธิบายเป็นวีดีโอเอาไว้เพื่อนๆสามารถตามไปดูในวีดีโอได้ แต่ยังไงถ้ามีเวลาผมจะมาอธิบายเรื่องจะมี Backup อีกครั้งหนึ่งแต่ให้เพื่อนๆเข้าใจโดยหลักการว่ามันคือการกระจาย Seed Phrase ออกเป็นส่วน ๆ  และสามารถหายได้บางส่วน เหมาะสำหรับทำเป็นองค์กรหรือเป็นกลุ่มคนที่แบ่งกระจายกันถือ Seed Phrase ในกรณีที่มีปัญหาสามารถใช้เสียงส่วนใหญ่ในการ Recovery Seed ได้

ส่วนลำดับถัดมาก็มีเป็น Basic Function ธรรมดา ได้แก่ Trezor One, OneKey Mini, BitBox02 ซึ่งก็คือใช้วิธีการเอา Seed มา Recovery จริงๆตัว BitBox02 มีอีก Option หนึ่งคือการใช้ SD Card ในการ Backup  แต่ผมไม่ได้ให้คะแนนส่วนนี้ 555 ต้องบอกว่าจริง ๆ ตัว BitBox02 น่าสงสารหลายเรื่องนะครับ มันใส่เทคโนโลยีเข้ามาเยอะอยู่ แต่เป็นส่วนที่ผมไม่ได้ให้คะแนน 555 ใครสนใจลองไปดูลึกๆนะครับ

มาดูลำดับสุดท้ายดีกว่า ซึ่งเพื่อน ๆ ไม่ต้องตกใจนะครับ ผมให้คะแนน Ledger Nano S Plus เป็น 0 เนี่ย ไม่ใช่เพราะว่ามัน Recovery Seed ไม่ได้นะครับ แต่เหตุเพราะว่า มันทำได้มากกว่านั้นจนเราเริ่มกลัว  Ledger เปิดตัวบริการชื่อ Ledger Recover  ซึ่งเป็นบริการที่จะช่วยกู้ชีสของเรากลับคืนมา โดยจะแบ่งข้อมูลสำคัญของเราเอาเป็น 3 ส่วน Ledger บอกว่าสบายใจได้เขาไม่ได้เก็บคนเดียวเขาให้คนอื่นช่วยเก็บด้วยซึ่งก็คือคอย Cover และคิดค่าบริการในการเก็บ ซึ่งอันนี้สำหรับผมส่วนตัวแล้ว มันผิดหลักการมากๆ สิ่งที่เทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถที่จะพึ่งพาและดูแลตัวเองได้ เราพยายามทำสิ่งที่เรียกว่า Self Custody เก็บ Seed เองพึ่งพาตนเอง แต่มันไม่ใช่กับ Ledger ครับ ผมเข้าใจนะว่าโดยพื้นฐานของคนเรามีความแตกต่างกัน หลักคิดของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน จริงๆมันก็ไม่ได้ผิดหรอกที่เราจะใช้ Ledger เพราะนั่นมันคือเรื่องของคุณ สินทรัพย์ของคุณ แค่จะบอกว่า ผมเตือนแล้วนะ จบนะ

Compare Hardware Wallet Backup Function 

เปรียบเทียบ Hardware Wallet กับการเชื่อมต่อ DApp

ยกที่แปด ในการเชื่อมต่อ DApp สำหรับกลุ่มที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลัก ผมคิดว่าตระกูล Ledger กับ Trezor กินตลาดไปหมดเลย  สาเหตุเพราะว่ามันสามารถเชื่อมต่อกับ Metamask ได้ อันนี้เลยทำให้ OneKey Mini ได้อานิสงส์ไปด้วยเพราะว่าพื้นฐานทำมาจาก Trezor ด้วยเหตุนี้ทำให้คนที่ได้คะแนนน้อยมีอยู่เจ้าเดียวก็คือ BitBox02 แต่ถ้าใครที่เก็บเหรียญหลัก ๆ ไม่ได้คิดจะไปฟาร์ม หรือจะไป Stake ที่ไหน ก็อาจจะพิจารณาตัดหัวข้อนี้ออกไป

Compare Hardware Wallet with DApp Compatibility

 

เปรียบเทียบ Hardware Wallet แต่ละรุ่นกับเหรียญที่ support

ยกที่เก้า สำหรับเหรียญที่รองรับในแต่ละรุ่น ผมต้องยอมรับว่า Ledger เป็นผู้นำในตลาด เขารองรับเหรียญเยอะมากมีการร่วมมือกับนักพัฒนาเหรียญหรือ Chain ในการพัฒนาให้กระเป๋าของโปรเจคนั้นๆสนับสนุนกับตัว Hardware Wallet ของ Ledger  กับอีกตัวนึงคือ OneKey Mini ที่เอาพื้นฐานของ Trezor มาทำต่อแล้วก็เพิ่มการรองรับเหรียญให้มากกว่าเดิม ผมเลยให้คะแนน 5 ส่วน Trezor Safe 3 กับ Trezor Model T เป็นรุ่นที่สามารถเก็บเหรียญได้มากกว่ารุ่น Trezor One ทำให้ผมต้องให้คะแนนไล่ตามลำดับมา ส่วนตัว BitBox02 ก็จะรองรับการเก็บเหรียญน้อยที่สุด

Compare Hardware Wallet Support Coin

 เพื่อนๆสามารถตรวจสอบเหรียญที่รองรับในแต่ละรุ่นได้ที่นี่ครับ

รุ่น

Link Support Coin

Trezor Safe 3

ตรวจสอบเหรียญที่รองรับ

Trezor One

ตรวจสอบเหรียญที่รองรับ

OneKey Mini

ตรวจสอบเหรียญที่รองรับ

Ledger Nano S Plus

ตรวจสอบเหรียญที่รองรับ

Trezor Model T

ตรวจสอบเหรียญที่รองรับ

BitBox02

ตรวจสอบเหรียญที่รองรับ

 

บทสรุปเรื่องการเปรียบเทียบ Hardware Wallet สำหรับคนที่ใช้เครื่องคอมเป็นหลัก

ในกลุ่มที่ผมเรียกได้ว่าเป็น Highly Recommend ก็จะมีตัว Trezor Safe 3 ที่ได้คะแนน 95.56% ซึ่งผมจัดอยู่ในกลุ่ม A+ ถ้าเทียบกันกับ OneKey Mini ที่ได้คะแนน 91.11% ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม A ตัว Trezor Safe 3 มีความได้เปรียบ OneKey Mini  หลักๆอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกก็คือเรื่องการเปิดเผยการออกแบบแผงวงจร กับเรื่องของการ Backup Seed Phrase  แบบขั้นเทพที่เรียกว่า Shamir Backup

Trezor Safe 3 Over All Score

OneKey Mini Over All Score

ส่วนรุ่นถัดมาที่จัดอยู่ในกลุ่ม Recommend กลุ่มนี้จะอยู่ในเกรด B ทั้งหมด จะมี Trezor One ที่ได้คะแนน 82.22% รุ่น Trezor Model T ได้คะแนน 82.22% และ BitBox02 ได้คะแนน 80.00% ถ้าดูจากในกลุ่มนี้ก็เช่นกัน ตระกูล Trezor เลเซอร์ผมให้คะแนนเรื่องของการเปิดเผยการออกแบบแผงวงจรทำให้คะแนนตรงนี้นำเจ้าอื่น แต่ Trezor One กับ Trezor Model T ไม่มี Secue Element Chip ทำให้ BitBox02 คะแนนตีตื้นขึ้นมา  จริงๆในกลุ่มนี้มีดีกันคนละแบบแลกกันคนละหมัดแต่รวมๆแล้วก็เกาะกลุ่มในแง่ของความคุ้มค่าได้

Trezor One Over All Score

Trezor Model T Over All Score

BitBox02 Overall Score

ในกลุ่มนี้คะแนนที่ต่ำที่สุดเป็น Ledger Nano S Plus ที่ได้คะแนน 77.78% ผมจัดอยู่ในเกรด C+ ซึ่งคะแนนหลักๆที่ถูกตัดจะมาจากเรื่องของ Open Source ที่ไม่ได้เปิดเผย Firmware กับ เรื่อง Backup ที่เขาเอา Seed ของเราไปเก็บไว้ที่ Ledger  กับคู่ค้าของ Ledgerนั่นเอง

Ledger Nano S Plus Overall Score

 

ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ แต่ก็อยากจะเตือนเพื่อน ๆว่า ในรูปแบบของการเปรียบเทียบผมเป็นคนคิดเองเพราะฉะนั้นในความคิดบางอย่างอาจมีทัศนคติที่เป็นบวกและลบปะปนไปด้วย หากเพื่อน ๆ อ่านตรงไหนแล้วรู้สึกเช่นนั้นผมอยากให้เพื่อนๆ comment โดยตรงกับผม เพื่อที่ผมจะได้นำไปปรับปรุงในการพิจารณาในครั้งถัดไป หากเพื่อน ๆ คิดว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ก็ขอให้แชร์บทความนี้ไปให้กับคนที่ต้องการความรู้ในลักษณะแบบนี้นะครับขอบคุณครับ 

กลับไปยังบล็อก

1 ความคิดเห็น

ชอบครับ ถึงจะเป็นยี่ห้อน้องใหม่ ชอบระบบรักษาความปลอดภัย ได้ครบถ้วนการใช้งานได้สะดวกมากยิ่งกว่ายี่ห้อใดๆครับ ขนาดกระทัดรัด ใช้งานง่ายครับ

ธนะพงษ์ ฉายวิเศษพล

แสดงความคิดเห็น

โปรดทราบว่าความคิดเห็นจะต้องได้รับการอนุมัติก่อนที่จะได้รับการเผยแพร่