มีเพื่อน ๆ มือใหม่หลายคนสอบถามกันเรื่องการโอนบิทคอยน์ไปเก็บที่ Hardware wallet แล้วมักจะก็เกิดคำถามในการเลือก Bitcoin Wallet Address ว่า “ต้องเลือกแบบไหนดี?” (จากภาพข้างบน) และ “แต่ละอันต่างกันอย่างไร?” ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จัก Bitcoin Wallet Address แต่ละประเภทพร้อมวิธีการเลือกใช้งานให้เหมาะสม
Bitcoin Address คืออะไร?
Bitcoin Address คือ ชุดตัวอักษรและตัวเลขที่ระบุปลายทางเฉพาะของธุรกรรมบิทคอยน์ โดยทั่วไปจะขึ้นต้นด้วย "1" "3" หรือ "bc1" และมีความแตกต่างระหว่างตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก Address เหล่านี้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวระบุความเฉพาะของผู้รับ ช่วยให้สามารถส่งและรับบิทคอยน์ได้อย่างปลอดภัยผ่าน Decentralized Network
Bitcoin Address มีพื้นฐานมาจากคู่ Public Key และ Private Key โดย Public Key จะถูกแปลง ด้วยการ Hash และ encode ให้เป็นรูปแบบที่สั้นลงและจัดการได้ง่ายขึ้นเพื่อใช้ในการให้ Address กับผู้อื่น ใช้เพื่อพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเงินที่ได้รับ และบันทึกธุรกรรมลงในบล็อกเชน
Address เหล่านี้จำเป็นสำหรับการตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมภายในเครือข่ายบิทคอยน์ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ใช้มีความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง เนื่องจากไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อเจ้าของและที่อยู่อีกด้วย
ประเภทของ Bitcoin Address
รูปแบบ Bitcoin Address ประเภทต่างๆ
Bitcoin Address มีหลาย version เนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีของบิทคอยน์และความจำเป็นในการรองรับฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย ในขณะเดียวกันก็ต้องคงความเข้ากันได้ (Compatible) กับระบบที่มีอยู่เดิม สามารถส่งถึงกันได้แม้จะคนละเวอร์ชั่น ปัจจุบันมี 4 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้
1. Legacy (P2PKH)
Bitcoin Address รูปแบบดั้งเดิมที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เข้ารหัสโดยใช้ Base58 ซึ่งไม่รวมตัวอักษรที่มักสับสนกัน Address ที่ขึ้นต้นด้วย "1" ใช้ประเภทสคริปต์ Pay-to-Public-Key-Hash (P2PKH) และมีความแตกต่างระหว่างตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก เช่น “15e15hWo6CShMgbAfo8c2Ykj4C6BLq6Not”
Bitcoin Address เหล่านี้ตรงไปตรงมาในการส่งและรับบิทคอยน์ เนื่องจากถูกสร้างขึ้นจากการแฮช Public Key ของผู้รับ โดย Bitcoin Address แบบ Legacy มีความเข้ากันได้อย่างกว้างขวางเนื่องจากกระเป๋าเงินและตลาดแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่รองรับ
SegWit (P2SH)
SegWit ถูกนำมาใช้เพื่ออัปเกรดเครือข่าย Bitcoin เพื่อให้สามารถปรับขนาดได้ดีขึ้น เช่น Lightning Network โดย Bitcoin Address แบบ SegWit มีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่
2. Nested SegWit (รูปแบบ P2SH)
มีเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความสามารถในการปรับขนาดของเครือข่าย โดย Bitcoin Address ที่ขึ้นต้นด้วย "3" ตัวอย่างเช่น “3J98t1WpEZ73CNmQviecrnyiWrnqRhWNLy”
ใช้การเข้ารหัสแบบ Base58 อิงตามประเภทสคริปต์ Pay-to-Script-Hash (P2SH) และมีความแตกต่างระหว่างตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็กเช่นเดียวกับ Bitcoin Address แบบ Legacy
3. Native SegWit (รูปแบบ Bech32)
Address ที่ขึ้นต้นด้วย "bc1" ตัวอย่าง เช่น "bc1qar0srrr7xfkvy5l643lydnw9re59gtzzwf5mdq" ทำให้ค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่ำและใช้พื้นที่บล็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
หากเปรียบเที่ยบเมื่อเทียบรูปแบบ P2SH กับรูปแบบ Bech32 ซึ่งรูปแบบ Bech32 นี้จะใช้เฉพาะตัวอักษรพิมพ์เล็ก มีการตรวจจับข้อผิดพลาดที่ดีขึ้น และอ่านง่ายกว่าสำหรับมนุษย์ เหมาะสำหรับบริการและแอปพลิเคชันใหม่ ๆ ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากความสามารถทั้งหมดของเครือข่ายบิทคอยน์และส่งเสริมการนำเทคโนโลยี SegWit มาใช้
4. Taproot (P2TR)
Taproot (P2TR: Pay-to-Taproot) หรือรูปแบบ Bech32m เป็นรูปแบบล่าสุดและรองรับการพัฒนาในอนาคตได้มากที่สุด โดย Bitcoin Address เหล่านี้ไม่มีความแตกต่างระหว่างตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก และขึ้นต้นด้วย “bc1p” ตัวอย่างเช่น “bc1p5d7rjq7g6rdk2yhzks9smlaqtedr4dekq08ge8ztwac72sfr9rusxg3297”
Taproot การใช้งานบนเครือข่าย Bitcoin อัปเกรดในเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมา และมาพร้อมกับการปรับปรุงหลายอย่าง และอัปเกรดที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการรวม Schnorr signatures และ Merkle trees เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ Address ของ Taproot รวมสคริปต์หลายรายการเข้าเป็น Output เดียว ทำให้ขนาดของธุรกรรมเล็กลงและเพิ่มความเป็นส่วนตัว เนื่องจากธุรกรรมที่ซับซ้อนมากขึ้นจะดูเหมือนกับธุรกรรมที่เรียบง่ายบน Bitcoin blockchain
ยิ่งกว่านั้น โปรโตคอล Taproot ยังสามารถทำให้การสร้าง Digital assets บน Bitcoin ได้ ทำให้สามารถพัฒนา Ordinals(NFT) และโทเค็นบนเครือข่ายอื่น ๆ บน Bitcoin ได้
ตารางสรุปความแตกต่างของ Bitcoin Address แต่ละประเภท
ประเภท Address |
คำนำหน้า |
ขนาดธุรกรรม |
ค่าธรรมเนียม |
ความเข้ากันได้ |
Legacy (P2PKH) |
1 |
มีขนาดใหญ่กว่า ธุรกรรมจะใช้พื้นที่บล็อกมากขึ้น |
ค่าธรรมเนียมสูงกว่าแบบ SegWit |
เข้ากันได้กับทุกกระเป๋าเงิน Bitcoin |
Nested SegWit (P2SH) |
3 |
มีขนาดเล็กลง หรือหากมีขนาดเท่ากับ Legacy จะใช้พื้นที่บล็อกน้อยลง |
ค่าธรรมเนียมต่ำกว่าแบบ Legacy |
กระเป๋าเงินส่วนใหญ่ |
Native SegWit (P2WPKH) |
bc1 |
มีขนาดธุรกรรมและค่าธรรมเนียมที่ลดลง และที่อยู่จะใช้เฉพาะตัวอักษรพิมพ์เล็ก มีการตรวจจับข้อผิดพลาดที่ดีขึ้น |
ค่าธรรมเนียมต่ำกว่า Nested SegWit |
กระเป๋าเงินส่วนใหญ่ |
Taproot (P2TR) |
bc1p |
ขนาดของธุรกรรมเล็กลงและเพิ่มความเป็นส่วนตัว |
ค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด |
การรองรับจำกัด |
ดูวิดีโอวิธีการเลือก Bitcoin Address เพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
ควรเลือก Bitcoin Address แบบไหน
เมื่อเลือก Address กระเป๋าเงินบิทคอยน์ ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:
1. ความเข้ากันได้
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าประเภท Address ที่คุณเลือกรองรับโดยกระเป๋าเงินของคุณและแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนใดๆ ที่คุณวางแผนจะใช้
2. ต้นทุนธุรกรรม
เลือกประเภท Address ที่ลดค่าธรรมเนียมธุรกรรมให้น้อยที่สุด โดย Native SegWit มักเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
3. การรองรับในอนาคต
เมื่อเทคโนโลยีบิทคอยน์พัฒนาขึ้น รูปแบบ Address ใหม่กว่า เช่น Taproot อาจมีข้อได้เปรียบด้านความเป็นส่วนตัวและฟังก์ชันการทำงาน
คำแนะนำสำหรับผู้ใช้ใหม่
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้บิทคอยน์:
- เริ่มต้นด้วยกระเป๋าเงินที่ใช้ Address ประเภท Native SegWit (bc1q) เป็นค่าเริ่มต้น
- หลีกเลี่ยงการใช้ Address แบบ Legacy เว้นแต่จำเป็นอย่างยิ่ง
- สำรวจกระเป๋าเงินที่รองรับ Taproot หากคุณสนใจคุณสมบัติอื่น ๆ ในอนาคต
FAQ สำหรับการโอน Bitcoin ไปที่ Hardware wallet
Q: Bitcoin Address แต่ละแบบโอนหากันได้หรือไม่?
A: โอนหากันได้ทุกประเภท เช่น ที่อยู่ประเภท Legacy โอนไปที่ Native SegWit ได้โดยตรง
Q: โอนบิทคอยน์จาก Exchange ไปเก็บที่ Hardware Wallet เลือก Network ไหน?
A: เลือก Bitcoin Network เท่านั้น โดย Bitcoin ที่อยู่บิท Network อื่น เช่น BNB Smart chain, Arbitrum ที่มีค่าธรรมเนียมในการโอนถูกกว่าจะไม่ใช่ Bitcoin จริง ๆ จะคล้ายกับการถือตั๋วบิทคอยน์หรือ WBTC หากต้องการสะสม Bitcoin จริง ๆ ให้โอนโดยใช้ Bitcoin Network เท่านั้น
บทสรุป
การทำความเข้าใจประเภทต่าง ๆ ของ Bitcoin Address มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดการสกุลเงินดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกประเภท Bitcoin Address ที่เหมาะสมโดยพิจารณาจากความเข้ากันได้ ต้นทุนธุรกรรม และความต้องการในอนาคต จะช่วยให้ผู้ใช้เพิ่มประสบการณ์ใน Ecosytem ของ Bitcoin ได้
สำหรับผู้ใช้ใหม่แนะนำให้เลือกใช้ Bitcoin Address ที่เป็นประเภท Native SegWit ถือเป็นตัวเลือกที่สมดุลที่สุดระหว่างประสิทธิภาพและความเข้ากันได้
ข้อมูลอ้างอิง:
[1] https://leather.io/guides/bitcoin-address-types
[2] https://anitaposch.com/bitcoin-address-formats
[4] https://bitbox.swiss/blog/what-are-bitcoin-address-types/
[5] https://cointelegraph.com/learn/types-of-bitcoin-addresses
[6] https://unchained.com/blog/bitcoin-address-types-compared/
1 ความคิดเห็น
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ