ในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัล การรักษาความปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุด หนึ่งในความท้าทายที่ผู้ใช้งานต้องเผชิญคือการจัดการ Recovery Seed หรือชุดคำสำหรับกู้คืนกระเป๋า ซึ่งเปรียบเสมือนกุญแจที่นำไปสู่การจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดของคุณ
ความเสี่ยงในการเก็บรักษา Recovery Seed
เมื่อพูดถึงการเก็บรักษา Recovery Seed เราต้องเผชิญกับความเสี่ยงสองประการ
- ความเสี่ยงจากการสูญหาย: หาก Recovery Seed สูญหายหรือถูกทำลาย คุณจะไม่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ของคุณได้อีกต่อไป
- ความเสี่ยงจากการถูกขโมย: หากผู้อื่นเข้าถึง Recovery Seed ได้ พวกเขาสามารถขโมยสินทรัพย์ของคุณได้ทั้งหมด
Shamir Backup คืออะไร?
Shamir Backup เป็นวิธีการสำรองข้อมูลที่ได้รับการพัฒนาตามมาตรฐาน SLIP-39 เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเก็บรักษา Recovery Seed ของ Hardware Wallet โดยใช้หลักการแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วน ๆ และมีจำนวนชุดตามที่กำหนด ที่เรียกว่า Shamir's Secret Sharing ซึ่งคิดค้นโดย Adi Shamir นักคณิตศาสตร์ผู้มีชื่อเสียง
ตัวอย่างการทำงาน
สมมติว่าคุณมี Recovery Seed และต้องการใช้ Shamir Backup แบบ 2-of-3:
ส่วนที่ 1:
gesture necklace academic acid deadline width armed render filter bundle failure priest injury endorse volume terminal lunch drift diploma rainbow
ส่วนที่ 2:
gesture necklace academic agency alpha ecology visitor raisin yelp says findings bulge rapids paper branch spelling cubic tactics formal disease
ส่วนที่ 3:
gesture necklace academic always disaster move yoga airline lunar provide desire safari very modern educate decision loyalty silver prune physics
1. การสร้างส่วนกู้คืน:
- ระบบจะสร้างส่วนกู้คืน 3 ส่วน
- แต่ละส่วนมีความยาว 20 หรือ 33 คำ
- สามคำแรกเหมือนกันทุกส่วนเพื่อระบุว่าเป็นชุดเดียวกัน
2. การกระจายส่วนกู้คืน:
- ส่วนที่ 1: เก็บไว้ที่บ้าน
- ส่วนที่ 2: ฝากตู้นิรภัยธนาคาร
- ส่วนที่ 3: ให้ทนายความเก็บรักษา
3. การกู้คืน:
- ใช้เพียง 2 ส่วนใดก็ได้จาก 3 ส่วน
- หากส่วนหนึ่งสูญหาย ยังใช้ 2 ส่วนที่เหลือกู้คืนได้
-
หากขโมยได้เพียง 1 ส่วน จะไม่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์
ความปลอดภัยของ Shamir Backup
การป้องกันการ Brute Force
- แตกต่างจากการแบ่ง Seed 12-24 คำเป็นสองส่วน
- การมีเพียงส่วนเดียวไม่สามารถใช้คำนวณส่วนที่เหลือได้
- แม้ใช้คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงก็ไม่สามารถทำ brute force ได้
มาตรฐาน SLIP-39
- มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (Checksum)
- รองรับการใช้รหัสผ่าน (Passphrase)
การเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของ Shamir Backup
คุณลักษณะ |
Single Seed (BIP39) |
Shamir Backup (SLIP39) |
ความยาวของชุดคำ |
12, 18 หรือ 24 คำ |
20 หรือ 33 คำ |
จำนวนส่วน |
1 ส่วน (seed เดี่ยว) |
1 ถึง 16 ส่วน (หลายส่วน) |
ชุดคำที่ใช้ |
รายการคำมาตรฐาน BIP-39 |
รายการคำเฉพาะของ Shamir |
ค่าขั้นต่ำสำหรับการกู้คืน |
ต้องใช้คำทั้งหมด (1/1) |
ผู้ใช้กำหนดเองได้ (เช่น 2/3, 3/5) |
ความยืดหยุ่นในการกระจาย |
ไม่มี (มีเพียงชุดเดียว) |
สามารถกระจายให้ผู้เก็บรักษาหรือเก็บในสถานที่ที่เชื่อถือได้ |
ความเสี่ยงต่อการสูญหาย/ถูกขโมย |
สูญเสียทั้งหมดหากสูญหายหรือถูกขโมย |
ทนต่อการสูญเสียได้จนถึงค่าขั้นต่ำที่กำหนด |
เหมาะกับ |
เหมาะกับผู้เริ่มต้นใช้งาน |
เหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์การใช้งาน |
ข้อดี |
สามารถใช้ Wallet ใดก็ได้ในการกู้คืนกระเป๋า สะดวกต้องการกู้คืน |
มีการป้องกันกระเป๋าได้อย่างแข็งแกร่ง ต้องอาศัยข้อมูลหลายชุดในกการเข้าถึงกระเป๋า |
ข้อเสีย |
อาศัยเพียงส่วนเดียวในการเข้าถึงกระเป๋า ทำให้เข้าถึงได้ง่าย |
ต้องอาศัยข้อมูลจากหลายแหล่งในการกู้คืน ซึ่งอาจจะทำให้ใช้เวลานานในการเข้าถึงกระเป๋า |
มุมมองส่วนตัวของผู้เขียน
การใช้งาน Shamir Backup ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน เนื่องจากต้องอาศัยการเก็บรักษาข้อมูลหลายชุดในการเข้าถึงหรือกู้คืนกระเป๋า ซึ่งในการเก็บข้อมูลอาจจะใช้คนหลายคนในการเก็บ ซึ่งอาจจะทำให้เข้าใช้เวลาในการเข้ากู้คืนกระเพิ่มมากขึ้น
ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าการใช้ Shamir Backup นั้นยังมีข้อจำกัดในการเนื่องจากมาตรฐาน SLIP39 ที่ใช้งานนั้นมีเพียง Trezor model T, Trezor safe 3 และ Trezor safe 5 เท่านั้นในการกู้คืน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ Trezor ในการกู้คือนเท่านั้น ยังสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมหรือ tools อื่น ๆ มาทดลองในการกู้คืนได้ สร้างความลำบากในการกู้คืนอีกด้วย ผู้เขียนจึงไม่แนะนำให้ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งาน Shamir Backup
หากต้องการใช้งาน Shamir Backup ควรเตรียมตัวอย่างไร?
1. เริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- ทดลองใช้กับกระเป๋าที่มีสินทรัพย์น้อยก่อน
- เริ่มจากระบบ 2-of-3 ก่อนขยายเป็น 3-of-5
- ทดสอบการกู้คืนหลายๆ ครั้งจนเข้าใจระบบ
2. การวางแผนระยะยาว
- จัดทำคู่มือสำหรับผู้รับมรดก เช่น เครื่องมือใดที่ต้องการใช้กู้คืนได้
- อัพเดทข้อมูลผู้ถือส่วนกู้คืนเป็นระยะ
- มีแผนสำรองกรณีผู้ถือส่วนกู้คืนไม่สามารถเข้าถึงได้
3. การเลือกผู้ถือส่วนกู้คืน
- กระจายให้คนที่อยู่ต่างพื้นที่
- ผสมระหว่างสมาชิกครอบครัวและผู้เชี่ยวชาญ (เช่น ทนาย)
- พิจารณาฝากบางส่วนกับสถาบันที่น่าเชื่อถือ เช่น ธนาคาร
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. จำเป็นต้องใช้ Trezor ในการกู้คืนหรือไม่?
ไม่จำเป็น เนื่องจาก Shamir Backup ใช้มาตรฐาน SLIP-39 ที่เปิดกว้าง คุณสามารถใช้
- Hardware wallet ที่รองรับ SLIP-39
- ซอฟต์แวร์วอลเล็ตที่รองรับมาตรฐานนี้
- เครื่องมือ open source ที่น่าเชื่อถือ
2. มีความเสี่ยงอะไรในการใช้ Shamir Backup?
- การบริหารจัดการซับซ้อนกว่าการใช้ seed แบบปกติ
- ต้องเก็บรักษาส่วนกู้คืนหลายส่วน
- หากสูญเสียส่วนกู้คืนมากกว่าที่กำหนด จะไม่สามารถกู้คืนได้
- ผู้รับฝากส่วนกู้คืนต้องเป็นบุคคลที่ไว้วางใจได้จริง
3. จะทดสอบว่าส่วนกู้คืนใช้งานได้จริงอย่างไร?
- ทดลองกู้คืนด้วยส่วนกู้คืนขั้นต่ำที่กำหนด
- ทดสอบกับวอลเล็ตที่ไม่มีสินทรัพย์ก่อน
- ตรวจสอบว่าส่วนกู้คืนแต่ละส่วนอ่านได้ชัดเจน
- บันทึกขั้นตอนการกู้คืนไว้อ้างอิง
4. ควรเลือกใช้แบบ 2-of-3 หรือ 3-of-5?
- 2-of-3 เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ง่ายต่อการจัดการ
- 3-of-5 เหมาะสำหรับความปลอดภัยระดับสูง แต่ต้องดูแลหลายส่วน
- พิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์และความสามารถในการจัดการ
5. จะป้องกันไม่ให้ผู้รับฝากส่วนกู้คืนร่วมมือกันได้อย่างไร?
- กระจายส่วนกู้คืนให้คนที่ไม่รู้จักกัน
- เพิ่มรหัสผ่าน (Passphrase) เป็นชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติม
- ไม่เปิดเผยจำนวนส่วนทั้งหมดกับผู้รับฝาก
6. รหัสผ่าน (Passphrase) สำคัญแค่ไหน?
- เป็นชั้นความปลอดภัยเพิ่มเติมที่สำคัญมาก
- แม้มีคนรวบรวมส่วนกู้คืนครบ ก็ยังต้องใช้รหัสผ่าน
- สามารถสร้างกระเป๋าหลอกล่อด้วยรหัสผ่านต่างกัน
- ควรจัดเก็บ Passphrase แยกจากส่วนกู้คืน
บทสรุป
Shamir Backup เป็นอัลกอลิทึมที่ช่วยยกระดับความปลอดภัยในการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัล แม้จะมีความซับซ้อนในการจัดการ แต่ด้วยการวางแผนที่ดีและความเข้าใจระบบอย่างถ่องแท้ จะช่วยให้คุณสามารถปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมั่นใจมากขึ้น และผู้เขียนไม่แนะนำให้ผู้ที่เริ่มต้นใช้งานเปิดใช้งาน Shamir Backup เนื่องจากมีความซับซ้อนในการเข้าถึงและการจัดการ
ที่มาข้อมูล: